วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ในใจเรา




ตอนที่ 23


วันต่อมา ศรารันนั่งรถออกมาจากรีสอร์ทริมเลแล้ว แม้ว่าตัวจะออกห่างมาจากที่นั่นเรื่อยๆ แต่ใจของเธอยังคงนึกถึงที่นั่น ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อมาถึงบ้าน คุณหญิงดรุณี ก็ออกมายืนรอหน้าบ้านอยู่แล้วพร้อมสามี ศรารันลงจากรถ เดินเข้าไปท่านทั้งสอง พลางกอดมารดา
“ สวัสดีค่ะคุณแม่” สองแม่ลูกกอดกัน คุณหญิงสำรวจลูกสาว รู้สึกโล่งใจที่ศรารันกลับมาเป็นปกติ
“แม่ดีใจจริงๆที่ ลูกกลับมา” คุณหญิงพูดอย่างมีความสุข ศรารันยิ้มรับ แล้วหันไปกอดบิดา
“ พ่อคิดถึงลูกมากเลยนะ แต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาของลูก เพราะพ่อคิดว่าศราคงต้องการเวลาที่จะอยู่ลำพัง ได้คิดและไตร่ตรองบางเรื่อง” โยธินพูดกับลูกสาว
“ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ ต่อไปนี้ศราจะไม่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่เป็นห่วงอีกต่อไป ศราคนนี้จะเข้มแข็ง ศราสัญญาค่ะ” ศรารันพูดอย่างมั่นใจ ทำเอาผู้เป็นพ่อแม่ สบายใจยิ้มอย่างมีความสุข
…………………………………
ตกเย็น รติกลับมาบ้านเร็วกว่าทุกวัน ความจริงวันนี้เขามีนัด ดินเนอร์กับเพลิงเพชร แต่เธอเพิ่งโทรมายกเลิก โดยให้เหตุผลว่าปวดหัวขอนอนพัก พอเขาอาสาจะพาไปโรงพยาบาลเธอก็ปฏิเสธ บอกว่าอยากพักผ่อน เขาจึงตามใจ หลังๆมานี้ เขารู้สึกว่าเพลิงเพชรไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขาตามลำพังเลย มีแต่เรื่องงานล้วนๆ บางครั้งเขารู้สึกว่าเพลิงเพชรแทบไม่ได้สนใจเขานัก เช่นเวลามีผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับเขา เธอก็ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงแม้แต่น้อย จนเขาแอบคิดว่าเพลิงเพชรรักเขาจริงๆหรือเปล่า
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็หยิบมือถือขึ้นมากด โทรหาเพลิงเพชร แต่ไม่มีคนรับสาย เขาจึงวางสาย หันมามองรูปตรงหัวเตียง เป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับเพลิงเพชรเพียงรูปเดียว จากนั้นก็เดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบรูปคู่อีกอันขึ้นมา เขาเอาออกมาเทียบกัน รูปที่เขาถ่ายคู่กับศรารัน มันเต็มไปด้วยความรักของคนทั้งคู่เดียวในขณะนั้น แต่อีกรูประหว่างเขากับเพลิงเพชร มันเหมือนกับว่าเขามีความสุขไปคนเดียว แววตาของเพลิงเพชรแข็งกระด้าง แม้ว่าดูผ่านๆจะยิ้มก็ตาม


อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ พินิจนัย ทำงานอย่างชนิดไม่ลืมหูลืมตา จนสุชาติสังเกตเห็นว่า เขาทำงานหนักเกินไป ไม่ยอมปล่อยให้ว่าง บางทีก็อยู่ที่รีสอร์ท บางทีก็ไปที่ฟาร์มม้าของเขา แล้วก็ชอบทำหน้าเครียด หรือมีหงุดหงิดบ้าง จนสุชาติต้องทัก ขณะที่เขาเอาเอกสารมาให้พินิจนัยเซ็นในห้องทำงาน
“ คุณนัยมีเรื่อง เครียดอะไรหรือเปล่าครับ พักนี้ผมเห็นคุณนัยหงุดหงิดบ่อยๆ”
“เปล่า ผมก็ปกติดี” ปากบอกว่าปกติ แต่สีหน้าของเขาเครียดและหงุดหงิดจนสุชาติไม่กล้าพูดต่อ
เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่ศรารันจากที่นี่ไป เขาเองก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้ว่าง เพราะไม่เช่นนั้น เขาก็จะนึกถึงแต่เธอ

อย่าว่าแต่ฝ่ายพินิจนัยเลย ศรารันก็เป็นเหมือนกัน เธอไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเลย ที่ชอบนึกถึงเขาตลอดเวลา ทำไมเธอต้องไปนึกถึงผู้ชายที่ชอบกวนประสาทก็ไม่รู้
ตั้งแต่กลับมาศรารันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย เธอกะไว้ว่าจะออกไปข้างนอกตอนงานแต่งงานของพี่กานต์ ถือเป็นการแสดงตัวต่อสังคมไฮโซไปเลย ว่าเธอกลับมาแล้ว เพราะเธอเองก็รู้ว่าตนคงตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่นานพอสมควร
ที่บริษัทของรติ รติเอ่ยชวนเพลิงเพชรให้ไปร่วมงานแต่งงานของพี่สาวที่เป็นญาติกันของเขา
“ ผมอยากให้คุณไปกับผมหน่อย ได้มั้ยครับ”รติพูดในห้องทำงานของเขา ขณะที่เพลิงเพชรเอาแฟ้มเอกสารมาให้เขาเซ็น เพลิงเพชรมองหน้าเขา ใจจริงเธอเองก็ไม่อยากไป แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธเขา
“ ก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่ค่ะ”
“ พรุ่งนี้เย็นครับ เป็นงานเลี้ยงที่โรงแรม” รติบอก
…………………………..
ณ คอนโดใจกลางเมืองหลวง พินิจนัยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ผมฝากทางนั้นด้วยนะคุณสุชาติ ดูแลให้เรียบร้อย ผมคงต้องอยู่ที่นี่อีกยาว” พินิจนัยพูด
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลให้เรียบร้อยครับ” ปลายสายรับปาก
“ ดี งั้นแค่นี้แหล่ะครับ” พินิจนัยวางสาย มองมือถือ พลางคิดอะไรออก เอ๊ะ! ความจริงเราก็มีเบอร์คุณศรา นี่หว่า เขาทำท่าจะกดโทรออก แต่ก็เปลี่ยนใจ แกมันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ไอ้พินิจนัยเอ้ย!

เมื่อถึงวันงานสมรสของกานต์ พิธีหมั้นตอนเช้าผ่านไปเรียบร้อย มีแต่ญาติสนิทไม่กี่คน
ส่วนช่วงเย็นเริ่มมีแขกทยอยมา ทางฝ่ายพินิจนัยใส่ชุดสูทดูหล่อ จนสาวๆชายตามองกันเป็นแถว ทำเอาเขาแอบเขินบ้าง แต่ก็ทำเป็นเก๊กไว้ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าวซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นลูกชายเพื่อนพ่อของเขา
“งัยวะ เจ้าบ่าว หล่อไม่เบาเลยนะ” พินิจนัยทักอย่างสนิท จนเจ้าบ่าวหัวเราะ
“ ดีใจจริงๆที่แกมา ฉันนึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว ไอ้นัย” ตรีทัพพูด
“ ต้องมาสิ เพื่อนจะมีภรรยาทั้งที ต้องมาร่วมฉลองหน่อย” ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน เจ้าสาวก็ออกมาจากห้องแต่งตัว ตรีทัพจึงแนะนำให้รู้จักกัน
“ นี่งัย เจ้าสาวแสนสวยของฉัน ส่วนนี่เพื่อนผม พินิจนัย” ทั้งคู่จึงพูดคุยกัน หลังจากนั้นพินิจนัยก็ขอเข้าไปในงานก่อน ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้อนรับแขกหน้างาน รติควงคู่มากับเพลิงเพชร มาแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กานต์ไม่ค่อยชอบเพลิงเพชร เพราะเป็นต้นเหตุให้รติเลิกรากับ
ศรารัน แต่เธอก็เก็บอาการไว้
“ยินดีด้วยนะครับ พี่กานต์ พี่ตรี” รติพูด
“ขอบใจจ่ะรติ” กานต์พูด พลางมองชะเง้อเหมือนรอใครอยู่ จนตรีทัพต้องถาม
“มองหาใครหรือกานต์”
“อ๋อ มองหาเพื่อนน่ะค่ะ ไม่รู้ทำไมยังไม่มา” กานต์ไม่พูดตามตรง จริงๆแล้วเธอรอศรารันอยู่ รติกับเพลิงเพชรจึงเข้าไปด้านในงาน

เมื่อเวลาผ่านไปนาน จนถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเข้าไปในงานแล้ว กานต์จึงคิดว่าศรารันคงไม่มาเธอจึงเตรียมเดินเข้าไปในงาน แต่มีเสียงหนึ่งเรียกเธอไว้
“พี่กานต์คะ” กานต์หันกลับมามอง แล้วก็ยิ้มอย่างดีใจ
“ศรา! พี่นึกว่าเราจะไม่มาซะแล้ว” ทั้งสองกอดกันอย่างดีใจ
“ต้องมาสิคะ วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ ทำไมศราจะไม่มาล่ะคะ” ว่าแล้วศรารันก็หันไปทางตรีทัพ
“ยินดีด้วยนะคะพี่ตรี ที่มีเจ้าสาวแสนสวยและก็แสนดีแบบนี้”
“ขอบคุณครับ” ตรีเทพพูดยิ้ม กานต์จับมือศรารันเข้าไปในงาน ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับแขกที่ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวในงาน นักข่าวเริ่มมีการถ่ายรูป และเริ่มมีเสียงกระซิบให้ได้ยิน หลายสายตาเริ่มมองมาที่ศรารัน
“เอ๊ะ! นี่ศรารัน ลูกสาวคุณโยธิน กับคุณหญิงดรุณีนี่ ไหนว่าเป็นบ้า ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หายดีแล้วเหรอ ถึงได้โผล่มา” เสียงนินทาแว่วมาให้ได้ยิน
“ฉันได้ยินว่า แอบไปรักษาตัวที่เมืองนอกมา ไม่รู้ว่ายังบ้าอยู่หรือเปล่า” นี่ก็ข่าวมั่ว
“ รู้มั้ย ว่าถึงขั้น พยายามฆ่าตัวตายเลยนะเธอ”
เสียงนินทา ของพวกขาเม้าส์แว่วมาให้ได้ยินตลอด
และก็มีบางพวก เช่นพวกผู้ชาย พูดว่า
“ สงสัยทำใจได้แล้วมั้ง กลับมาคราวนี้ถึงสวยมากๆ ก่อนหน้านั้นตอนอกหัก ปล่อยตัวซะโทรมจนดูไม่ได้”


ศรารันไม่สนใจคำพูดพวกนั้นแม้แต่น้อย ยังคงหน้านิ่ง มองไปรอบๆงาน ฝ่ายเพลิงเพชรและรติเห็นผู้คนมองไปทางเดียวกันก็มองตาม เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในคืนนี้ ก็ตกใจ รติรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ส่วนเพลิงเพชรมองอย่างตกใจ และเปลี่ยนเป็นแววตาที่เกลียดชัง ดูน่ากลัว
ศรารันหันมาเจอกันพอดี ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันด้วยความเกลียดชัง จ้องกันอยู่นาน ศรารันก็เลื่อนสายตามาทางรติ แววตาของเธออึดอัดใจเล็กน้อย เธอเองยังไม่อยากจะเจอเขาด้วยซ้ำ เพลิงเพชรเห็นแววตาของศรารันที่มองรติ ก็เหยียดยิ้มใส่ แล้วคว้าแขนรติมาคล้องไว้ เพราะคิดว่าจะทำให้ศรารันไม่พอใจ ศรารันทำเป็นเมินเฉย แล้วเดินไปตรงอื่น เพราะมัวแต่หงุดหงิดของศรารันจึงเดินไม่ดูไปชนแขกอีกคนที่ถือแก้วไวน์อยู่ จนเลอะเสือของเขา
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ศรารันรีบขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายมัวแต่ก้มดูเสื้อของตนอยู่ ไม่ได้มองหน้าหญิงสาว
ศรารันพยายามจะเช็ดให้ มองหน้าเขา แล้วก็รู้สึกคุ้นๆ แล้วจำได้ทันที
“คุณ!” ศรารันชี้หน้าร้องตกใจ พินิจนัยเงยขึ้นมามอง แล้วก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คุณ!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น