วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ในใจเรา



ตอนที่ 21


มันจับเธอเข้าไปหากลุ่มคนพวกนั้น
“ โอ้ยยยย ฉันเจ็บนะ” ศรารันร้อง กลุ่มคนหันมามอง โดนเฉพาะพนา ที่เห็นไกลๆ ร้องถาม
“เฮ้ย! มีอะไรวะ” พนาเดินมาพอเห็นศรารันก็งง ว่าหนีมาได้ไง เริ่มโมโห
“ คุณหนีออกมาได้ไง!” ศรารันไม่ตอบ
“ หึ ร้ายนักนะ!” ระหว่างที่เขาจับแขน ศรารัน แล้วต่อว่าเธออยู่ ตำรวจที่แอบซุ่มอยู่ ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“นั่นคงจะเป็น ผู้หญิงที่ไอ้พนาจับมา แล้วอีกคนอยู่ไหน”ผู้กองวิทย์พูด
“มันอาจจะขังไว้ที่บ้านของมันก็ได้” ลูกน้องคนหนึ่งพูด
“เราส่งคนของเราไปที่บ้านมันแล้วส่วนหนึ่ง เดี๋ยวก็รู้กัน” ผู้กองวิทย์พูด



ทางฝ่ายพินิจนัยที่แอบตามตำรวจมาที่บ้านพักของนายอิสระซุ่มดู เมื่อเห็นว่าตำรวจจับลูกน้องของพวกมันที่เฝ้าบ้าน แล้วพาเกร็ดดาวออกมาในสภาพเหนื่อยล้า แต่เขาไม่เห็นศรารันจึงแปลกใจ หรือว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็คิดว่าเธออาจจะอยู่กับพนา จึงไปที่จุดส่งไม้เถื่อน เดินเข้าไปหาผู้กองวิทย์
“เฮ้ย! แกมาได้ไงเนี่ย ฉันขอร้องแกไว้แล้วนะเว้ย!” ผู้กองวิทย์พูดอย่างบ่นๆ
“เอาเถอะน่า ก็ฉันมาแล้วนี่หว่า” พินิจนัยพูดพลางมองไปข้างหน้า แล้วเห็นศรารัน ก็ตกใจ
“ คุณศรา นี่หว่า อยู่นี่จริงๆด้วย” พินิจนัยเป็นห่วงศรารัน ผู้กองวิทย์มอง อย่างสงสัย
“แน่ใจหรือวะ ว่าเป็นแค่แขกธรรมดา”
พินิจนัยไม่สบตา พลางบอกว่าให้รีบจัดการเร็วๆ
ผู้กองวิทย์ให้สัญญาณบุก ตำรวจกระจายกำลัง พวกของอิสระรู้ตัวแล้ว
“ เฮ้ย! ตำรวจ” อิสระตะโกน พลางหยิบปืนยิงตอบโต้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด
พนาฉุดแขนศรารันวิ่งหนีไปอีกทาง พินิจนัยที่จับตาอยู่ก็วิ่งตามออกไป
พอวิ่งมาได้สักระยะศรารันก็ล้มลงวิ่งไม่ไหว พนาฉุดให้ลุกแต่เธอไม่ไหวจริงๆ ทำให้พินิจนัยตามมาทัน
“ปล่อยคุณศรา เดี๋ยวนี้นะไอ้พนา!”
พนาและศรารันกลับหันไปมอง
“แกเองเหรอ ไอ้นัย! ดี วันนี้ฉันจะฆ่าแกด้วยมือฉันเอง” พนาทำท่าจะยิงแต่ศรารัน ซึ่งอยู่ใกล้พนา ชนพนาจนเสียหลัก ทำให้ปืนลั่นไปที่อื่น ศรารันวิ่งไปหาพินิจนัย
พนาตั้งหลักได้หยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่ทั้งคู่
พินิจนัยเห็นจึงผลักศรารันล้มลงไปทั้งคู่ พร้อมๆกับเสียงปืน!
เขาถูกยิงที่แขน เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้กองวิทย์ไล่ตามมาและสั่งให้พนามอบตัว แต่เขายิงสวน ทำให้ตำรวจจำเป็นต้องวิสามัญ พนาขาดใจตาย!
ทุกอย่างเรียบร้อย นายอิสระถูกตำรวจควบคุมตัวพร้อมกับลูกน้อง
“เจ็บมากมั้ยคุณ” ศรารันเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจขณะที่ทั้งคู่เดินมาที่รถ
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่าคุณ ไกลหัวใจตั้งเยอะ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ แม้ว่าจะเจ็บก็เหอะ
“แล้ว คุณดาวล่ะ” ศรารันเอ่ยถาม ผู้กองวิทย์จึงตอบแทน “ตอนนี้เราส่งคุณดาวไปโรงพยาบาลแล้ว ดูจากสภาพจิตใจของเธอแล้วคงจะตกใจมาก ทางเราแจ้งไปทางพ่อแม่ของเธอแล้ว”
ศรารันไม่พูดต่อ เธอคิดว่า เธอรู้ว่าเกร็ดดาวโดนอะไร
“ว่าแต่คุณเถอะ เป็นไงบ้าง” พินิจนัยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ ฉันปลอดภัย เรียบร้อยดีทุกอย่าง พวกมันไม่ได้ทำอะไร ฉันหรอก”
พินิจนัยค่อยโล่งใจ หลังจากนั้นพินิจนัยก็ถูกพาไปโรงพยาบาล ส่วนศรารันก็ไปให้ปากคำ เธอไม่ได้บอกตำรวจว่าเกร็ดดาวมีส่วนรู้เห็น บอกแค่ว่าพนาจับทั้งคู่ไป เพื่อล่อให้พินิจนัยมาหาแล้วกะจะฆ่า

สองสามวันผ่านไป เกร็ดดาวมาหาศรารันที่รีสอร์ทและขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องเธอ พร้อมกับขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา ศรารันไม่ถือโทษ เพราะคิดว่าสิ่งที่เกร็ดดาวได้รับมันก็ทุกข์พออยู่แล้ว
“ ต่อไปนี้เราจะมีแต่มิตรภาพที่ดีต่อกันนะคะ” เกร็ดดาวพูด
“ค่ะ” ศรารันพูดพลางยิ้มให้

………………………………….
ถึงแม้ว่า พินิจนัยจะยังไม่หายดี แต่เขาก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาล ขอหมอ กลับมาพักที่บ้าน
ระหว่างที่พินิจนัยกำลังเดินดูความเรียบร้อยของรีสอร์ทอยู่ ศรารันก็เดินเข้ามา
“ จะขยันไปไหนไม่ทราบ ตัวเองยังไม่หายดี ไม่รู้ว่าจะรีบออกมาทำไมกัน”
พินิจนัยยิ้ม “ ก็ผมไม่อยากอยู่โรงพยาบาล เห็นแต่หน้าหมอ กับพยาบาล และก็ห้องสี่เหลี่ยมๆ สู้ที่นี่ก็ไม่ได้ ทิวทัศน์สวยงามกว่าเยอะ แถมผู้คนก็หน้ามองกว่าแยะ”ประโยคหลังเขามองมาที่ศรารัน ซึ่งเธอกำลังมองไปที่ทะเล
“ นั่นสินะ ก็ที่นี่มันสวยจริงๆ” พินิจนัยยังคงมองศรารันอยู่
“ใช่สวยมาก” เขาพูด ศรารันหันกลับมาพินิจนัยรีบหลบสายตามองไปที่อื่น
“ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณ คุณเลย เรื่องที่คุณช่วยฉันไว้”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพระเอกอยู่แล้ว” พินิจนัยยักคิ้วตอบ จนศรารันหมั่นไส้
“แหวะ หมั่นไส้จริงๆเลย”
“ อ้าว คุณไม่รู้หรือครับว่าเรื่องนี้ ผมเป็นพระเอก” พินิจนัยพูดอย่างทะเล้น จนศรารันขำ ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเวลาที่ได้พูดคุยกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่ทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้มากที่สุด ซึ่งเธอไม่ได้ยิ้มและหัวเราะมานานแล้วนับตั้งแต่……….
“ ปกติ คุณจะพักอยู่ที่นี่เหรอ แล้วบ้านคุณล่ะ” ศรารันเอ่ยถาม
“ส่วนใหญ่ผมจะอยู่ที่นี่ ส่วนบ้านของผม ต้องนั่งเรือไป อยู่ที่เกาะใกล้ๆรีสอร์ทนี้แหล่ะ แม่ผมอยู่ที่นั่น” พินิจนัยพูด
“ที่นั่นสวยมากมั้ย”
“สวยสิครับ คุณพ่อของผม รักบ้านหลังนั้นมาก คุณรู้มั้ย ว่าที่บ้านของผมมีต้นลีลาวดีดอกสีขาว ตั้งหลายต้น เวลาออกดอกมันจะสวยมากๆ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ
“คุณคงชอบดอกลีลาวดีสีขาวมากสินะ เพราะฉันเห็นว่าที่รีสอร์ทนี่ ก็มีต้นนี้เยอะเหมือนกัน” ศรารันมองไปรอบๆ
“ครับ ผมว่ามันสวยดี มองทีไรก็รู้สึกดี ”
“ ก็จริงอย่างที่คุณพูด” ศรารันเห็นด้วย
“ แล้วคุณ อยากจะไปเห็นบ้านของผมมั้ยครับ ผมจะได้พาไป” พินิจนัยเอ่ยชวน
ศรารันทำท่าคิด “ จะรบกวนคุณเกินไปหรือเปล่า” เธอถามอย่างเกรงใจ
พินิจนัยยิ้ม “ ไม่หรอกครับ ผมยินดีด้วยซ้ำไป เอาเป็นว่าเราไปวันนี้ ตอนนี้ยังได้เลย”
ศรารันตกลง ทั้งคู่จึงขึ้นเรือเดินทางไปที่บ้านของพินิจนัย
ระหว่างอยู่บนเรือ พินิจนัยซึ่งขับเรืออยู่ ก็เล่าว่า
“ผมลืมบอกคุณไป ว่า เกาะของผมมีชื่อว่า เกาะแห่งรัก คุณพ่อผมตั้งชื่อเอง ท่านก็เลยสร้างบ้านที่นั่น”
“ ท่าทางคุณพ่อของคุณ คงจะเป็นคนที่โรแมนติกมากๆเลยนะคะ”
“คงงั้นมั้งครับ ………….. ตอนที่ท่านจากผมไป ผมจำได้ว่า ผมเสียใจมาก ใช้เวลานานมากกว่าจะทำใจยอมรับได้ คุณแม่ของผมเสียอีก ที่เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ให้ผมเห็นสักครั้ง ผมรู้ว่าท่านเสียใจไม่แพ้กัน แต่ท่านก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้ผมเห็น พอผมทำใจได้ ผมก็สัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาด”
พินิจนัยพูดสายตาเศร้าลง ศรารันมองหน้าเขา พลางคิดว่า ผู้ชายคนนี้บางทีก็มีมุมที่คนอื่นไม่ค่อยได้เห็น เขาเองก็มีเรื่องที่เสียใจเหมือนกัน

เมื่อมาถึง ศรารันพิจารณามองเกาะแห่งรัก และบ้านสองชั้นสีขาวที่สวยงาม บริเวณรอบบ้านมีต้นลีลาวดีหลายต้นอย่างที่เขาเล่า พวกมันออกดอกสีขาวสะพรั่ง ศรารันอดที่จะยิ้มและชื่นชมไม่ได้
“ที่นี่สวยจริงๆด้วย”
“ถ้าคุณชอบ จะอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันมองหน้า แกล้งพูด
“นายจะยกที่นี่ให้ฉันหรือไง”
“ ถ้าคุณอยากได้ คุณก็พาคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ยกขันหมากมาสู่ขอผมสิครับ เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันไง” พินิจนัยพูดอย่างทะเล้น ศรารันมองค้อน
“บ้า! คุณนี่ติงต๊องจริงๆเลย” พินิจนัยหัวเราะ ก่อนจะพาศรารันไปแนะนำกับมารดาของตน
เมื่อเข้าไปในบ้าน พินิจนัยก็ถามหามารดาจากเด็กในบ้าน
“ คุณแม่ล่ะ แวว”
“นายหญิง อยู่ในครัวค่ะ” ว่าแล้วพินิจนัยก็ให้ศรารันรออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนตนก็ขอตัวไปหามารดา

หญิงสาววัยห้าสิบกำลังทำกับข้าวอยู่ พินิจนัยสวมกอดทางด้านหลัง
“ ทำอะไรทานครับ นายหญิง” พินิจนัยพูดยิ้มๆ
“ จะมาทำไมไม่บอกแม่ก่อน” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถาม
“ บอกก็ไม่เซอร์ไพส์ สิครับ แล้วอีกอย่าง ผมมีคนที่อยากจะแนะนำให้แม่รู้จัก” พิณพาสงสัย
“ใครกัน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงครับ”
“คนพิเศษของลูกเหรอ”
“ เปล่าหรอกครับ เธอเป็นแขกที่มาพักรีสอร์ทของเราครับ”
“แน่ใจเหรอ ว่าเป็นแค่แขก” มารดามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปกติลูกชายของเธอไม่เคยพาหญิงสาวที่ไหนมาแนะนำให้รู้จักถึงที่นี่
พินิจนัยหลบสายตา
“จริงสิครับ” พิณพาแอบยิ้ม เธอรู้จักนิสัยลูกชายของเธอดี ไม่ชอบแสดงออกเรื่องความรัก และอายที่จะบอกว่ารักใคร
ศรารันนั่งมองภายในบ้าน ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พินิจนัยเดินมาพร้อมกับมารดา
“คุณศราครับ นี่คุณแม่ของผมครับ” ศรารันยกมือไหว้พลางยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
“ส่วนนี่ คุณศรารันหรือศราครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักจ่ะ” พิณพาพูด เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้ ผู้หญิงคนนี้สินะ ที่ทำให้ลูกชายของเขาไขว้เขว
ทั้งหมดรับประทานอาหารกลางวันพูดคุยกันโดยเฉพาะพิณพากับศรารัน พูดจาถูกคอกัน จนพินิจนัย แอบงอน


เมื่อใกล้เย็นพินิจนัยและศรารันต้องกลับแล้ว จึงขอตัวกลับ
“วันหลังก็มาอีกนะจ๊ะ หนูศรา แม่คอยอยู่”
“ค่ะ ถ้ามีโอกาส ศราจะแวะมาเยี่ยมคุณแม่อีกนะคะ”
ทั้งสองกอดกัน พินิจนัยแอบยิ้ม
หลังจากที่พินิจนัยและศรารันกลับไปแล้ว สาวใช้ในบ้านกับพิณพาก็พูดกันถึงศรารัน
“ ผู้หญิงที่คุณนัยพามา สวยดีนะคะ ดูท่าทางจิตใจดี” แววพูด
“ถ้าได้มาเป็นลูกสะใภ้ ก็คงจะดีสินะ แต่ไม่รู้ว่าหนูศรา คิดยังไงกับตานัยน่ะสิ” พิณพาพูด


เมื่อจอดเรือพินิจนัยก็ลงมาจากเรือ ขณะที่ศรารันกำลังลงจากเรือ ก็เกิดเสียหลักจะล้ม โชคดีที่พินิจนัยรับไว้ทัน ศรารันอยู่ในอ้อมกอดของพินิจนัย ทั้งสองมองตากันอยู่นาน ก่อนจะรีบผละออก
จากกัน
“ นี่ก็มืดแล้ว ฉันเข้าบ้านก่อนดีกว่า” ศรารันพูดแก้เก้อ ส่วนพินิจนัยก็ทำหน้าบอกไม่ถูก ไม่กล้าสบตาศรารัน ศรารันจึงรีบเดินเข้าบ้านพักไป ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น