วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ในใจเรา


ตอนที่ 3
ที่บ้านสวน เมื่อเพลิงเพชรกลับมาเธอ
ก็รีบไปหาภาคทันที พบป้าสะใภ้ ดูทีวีอยู่
“ป้านวลคะ ลุงภาคล่ะคะ”
“อยู่หลังบ้านจ่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” จากนั้นเธอก็รีบเดินไปทันที
พบลุงของเธอ กำลังปลูกต้นอะไรสักอย่าง
“ลุงคะ”
“กลับมาแล้วเหรอ” ผู้เป็นลุงทักหลานสาวแต่ตากับมือยัง
สาละวนกับพันธ์ไม้อยู่ “เพชรมีเรื่องจะถามลุงหน่อยค่ะ”
“อะไรเหรอ”
“เกี่ยวกับว่าที่คู่หมั้นของศรารัน
ลุงเคยบอกว่าเขาชื่ออะไรนะคะ”
ประโยคนี้ทำเอาภาคชะงักแล้วหันมามองหน้าหลานสาว
“มีอะไรหรือเปล่า”ภาคถามสีหน้าไม่แน่ใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แล้วเขาชื่ออะไรคะ” เพลิงเพชร
ไม่สนใจ สีหน้าของภาค “ชื่อ รติ สนิทเศรณี”
ประโยคนี้ทำให้เธอพอใจเป็นอย่างมาก พลางคิดว่าโลกนี้
มันช่างแคบ จริงๆ
“บังเอิญจริงๆ นะคะเนี่ยพอดีเขาติดต่อธุรกิจกับเจ้านายของเพชร”
พูดจบเธอก็เดินออกไปพร้อมรอยยิ้มหน่อยๆอย่างกับสมใจ
อยาก เรื่องใดเรื่องหนึ่งปล่อยให้ภาคมองตามอย่าสงสัย

เพลิงเพชรเดินเข้ามาที่ห้องนอนของตนเอง แล้วหยิบมือถือ
กดโทรหา เพื่อนสนิทของเธอ
“แพรว วันนี้แกว่างมั้ย ฉันอยากเจอแก ที่เดิมแล้วกัน”
หลังจากวางสายเธอก็ยิ้มอย่างคนมีแผน
“นายโยธิน ยัยคุญหญิงดาว …ศรารัน… ถึงเวลาที่พวกแก
จะต้องชดใช้ กับสิ่งที่แม่และฉันได้รับ”

ร้านอาหารเจ้าประจำของเพลิงเพชรและชิดจันทร์หรือแพรว
เพื่อนรัก ตั้งแต่เด็กจนโต “มีอะไรหรือแก” ชิดจันทร์เอ่ยถาม
“ฉันจะเล่าเรื่องๆหนึ่งให้แกฟัง แล้วฉันจะบอกแก ว่าฉันจะทำอะไร”
เพลิงเพชรเล่าเรื่องที่เธอรับฟังจากลุงของเธอเรื่องแม่ ให้ชิดจันทร์ฟัง
ทั้งหมด “โห นี่ฉันไม่ยักจะรู้ว่าที่แม่แกไม่ค่อยเหมือนแม่คนอื่น เอ่อ
…ขอโทษ มีความสุขเหมือนคนอื่นเป็นเพราะเรื่องนี้เองเหรอ”
ชิดจันทร์อยากจะตบปากตัวเองที่ปากไวไปหน่อย
“ใช่ แกพูดถูก บางทีฉันยังคิดว่าแม่ฉันสติลอยไปอยู่ที่อื่น
หรือที่เรียกว่าบ้า” น้ำเสียงฟังดูขื่นขม
“แล้วที่แกเล่าให้ฉันฟังทั้งหมดนี่ เพื่ออะไรเหรอ”
น้ำเสียงของชิดจันทร์บ่งบอกว่ารู้ทันเพลิงเพชร
“ฉันจะแก้แค้นครอบครัววัชระ ครอบครัวที่มันทำให้แม่ฉันต้องตรอม
ใจตาย” สายตาของเพลิงเพชรมีแววแห่งความแค้น
“แต่แกอย่าลืมสิ ว่านั่น คือพ่อแก แล้วก็น้องสาวต่างแม่แกด้วย”
“ไม่ใช่! ฉันไม่มีพ่อ และนังนั่นก็ไม่ใช่น้องสาวฉัน คอยดูนะนัง
ศรารันมันจะ ต้องเจ็บ ต้องทุกข์เพราะถูกพรากของรัก
ฉันจะทำให้มันผิดหวังจากความรัก เท่าที่ฉันคิดพ่อแม่ของมัน
คงไม่เคยให้มันได้พบเจอความผิดหวัง ฉันอยากจะรู้นักว่าเวลา
มันผิดหวังมันจะเป็นยังไง แล้วพ่อแม่มันก็คงจะไม่มี
ความสุขไปด้วย พูดถึงตรงนี้แล้วฉันอยากจะให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆ”
เพลิงเพชรมีสีหน้าน่ากลัวจนชิดจันทร์รู้สึกได้ทันที
“ฉันเป็นเพื่อนแก ยังไงฉันก็อยู่ข้างแก”
“ดี งั้นแกช่วยหาข้อมูลส่วนตัวของครอบครัวนี้ให้ฉัน
แล้วก็ของคุณรติคนรัก ของยัยศรารันด้วย”
“หมายความว่า……..”
“ใช่”
“แต่คู่นี้รักกันมาก ฉันว่าแก” ชิดจันทร์ยังพูดไม่ทันจบ
“แกคอยดูเองละกัน” เพลิงเพชรพูดอย่างมีแผน

ทางด้านบ้านวัชระ ที่กำลังสนทนาเกี่ยวกับ
การจัดงานวันเกิดของโยธิน
“ฉันว่าจะเชิญแขกให้เยอะๆกว่าปีที่แล้วดีมั้ยคะ ถือเป็น
การต้อนรับศราด้วยที่ เรียนจบ ดีมั้ยคะคุณ”
คุณหญิงดาวถามสามีของเธอ
“ก็ดีนะ ผมเห็นด้วย แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ผมว่าเราควร
จะมอบของขวัญพิเศษ ให้ลูกเราด้วยนะ” โยธินพูดยิ้มๆ
“ของขวัญพิเศษอะไรหรือคะคุณ” คุณหญิงดาวสงสัย
“มีสิ่งเดียวที่ลูกของเราได้รับ
แล้วจะมีความสุขไปตลอดชีวิตไงคุณ”
คุณหญิงดาวทำหน้าคิดหนัก แล้วก็เริ่มคิดออก ทำหน้าตื่นๆ
“แต่ทางฝ่ายเราเป็นผู้หญิง คุณพี่จะพูดกับฝ่ายนั้นอย่างไรคะ”
โยธินไม่มีสีหน้าวิตกสักนิด
“เอาเถอะน่า ยังไงรติ ก็รักลูกสาวเราอยู่แล้วช้าเร็ว
ก็ต้องแต่งกันอยู่ดี” คุณหญิงดาวมองหน้า
“ลูกสาวเราเพิ่งเรียนจบนะคะ จะให้รีบแต่งไปไหนกัน”
“รีบแต่งน่ะดีแล้ว ผมกลัวว่าถ้าช้าไป วันดีคืนดี รติเกิดเปลี่ยนใจมี
คนอื่นลูกสาวเราจะ ไม่แย่หรือ คุณลืมไปหรือไงว่าเราไม่เคยเลี้ยงลูก
ให้พบเจอความผิดหวังเลยนะ” โยธินพูดสีหน้าดูวิตก
“ก็จริงอย่างที่คุณพูด แต่รติคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก
เพราะครอบครัวของเรา ก็รู้จักกันดี แถมรติกับศราก็รู้จักกันตั้งแต่เด็ก”
โยธินมีสีหน้าดีขึ้น
“ผมก็หวังอย่างนั้น”

…………………………………………………


เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์หน้าข่างสังคม ก็ถูกยื่นให้เพลิงเพชรอ่าน
“อะไร”เพลิงเพชรถามเพื่อนของเธอ
“ก็ข่าวงานวันเกิดคุณพ่อและงานต้อนรับลูกสาวที่เรียนจบจากนอกไง”
ชิดจันทร์เบ้ปากบอก เพลิงเพชรก้มอ่านจนเสร็จก็โยนทิ้ง
“ ดี ฉันจะได้เปิดตัว อย่างเป็นทางการสักที”
“ แกจะทำอะไร” ชิดจันทร์สงสัย เพลิงเพชรยังไม่ตอบ
ได้แต่เหยียดยิ้ม แล้วพลางคิดอยากจะให้ถึงวันงานเร็วๆ


ทางด้าน พินิจนัย ชายหนุ่มหน้าตาดี เป็นที่หมายปองของสาวๆที่รู้จัก
แต่กลับยังไม่มีคนรู้ใจเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า เจ้าตัวทำงานหนักและยัง
ไม่เจอใคร ที่เขา คิดจะรัก เขามักจะใช้ชีวิตอยู่ที่ รีสอร์ทริมเล
และฟาร์มพินิจนัย ของเขาที่ ภูเก็ตระหว่างที่ อยู่ในห้องทำงานนั่งดูเอกสาร
เขาก็นึกถึงนามบัตร ของหญิงสาวที่เซ่อซ่า เลยหยิบขึ้นมาดู
“ ศรารัน วัชระ หึ! นี่ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงโดนเรียกค่าเสียหายไปแล้ว”
พินิจนัยพูดพลางส่ายหน้าว่าแล้วก็อยากจะแกล้งยัยนี่สักหน่อย
เขาหยิบ โทรศัพท์ ขึ้นมา กดตามหมายเลขที่ปรากฏในนามบัตร
รอสายสักพักก็มี คนรับสาย “ ศรารันพูดค่ะ”
“ คุณศรารันครับ นี่ผมคนที่คุณขับรถชนท้ายรถผม
ผู้เสียหายหมายเลขหนึ่งของคุณน่ะ”
พินิจนัยเอ่ยอย่างยียวน
ศรารันนึกสักพักก็จำได้ “ อ๋อ นายนั่นเองทำไมฉันจะจำไม่ได้
นี่ฉันก็รอให้นายติดต่อมาเหมือนกัน เห็นเงียบหายไปหลายวัน
นึกว่าจะไม่เอาเรื่อง”
ความจริงแล้วเธอก็ลืมจริงแต่แกล้งฟอร์มไปงั้นเอง
“ ตอนแรก ผมก็จะเอาเรื่องเหมือนกัน แต่คิดไป คิดมา
ผมว่าไม่ดีกว่าถือว่าทำบุญละกัน”
“ นี่! ทำบุญ อะไรกัน ฉันไม่ใช่ผู้ยากไร้นะย๊ะ
น้อยๆหน่อยนะคุณ” ศรารันเริ่มขึ้นเสียง
“ โอเค ๆ ผมรู้ว่าคุณเป็นพวกผู้ดีมีอันจะกินละกัน
ส่วนเรื่องรถเอาเป็นว่าผมไม่เ รียกร้องอะไรละกัน
ผมมันคนต่างจังหวัด ต้องทำงานหนักเพื่อแลกเงินมา
ดำรงชีวิต คงไม่มีเวลาไปเอาเรื่องคุณที่กรุงเทพหรอก
เสียเวลาทำมาหากิน แค่นี้นะครับ หวังว่าเราคงไม่พบกันอีก”
พูดจบพินิจนัยก็ตัดสายทิ้ง เหมือนกับรู้ทันว่าอีกฝ่ายจะวีนใส่
“ไอ้บ้านี่!ฉันก็ภาวนาอย่าให้เจอนายเหมือนกัน”
ศรารันพูดใส่มือถืออย่างโมโห

ในใจเรา



ตอนที่2

รถคันงามแต่พึ่งถูกสอยท้ายรถไปมาจอดหน้าบ้าน


ชายหนุ่มลงจากรถ ทักทายภาคที่กำลังรดน้ำต้นไม้


"สวัสดีครับคุณลุงภาค"


"อ่าวนึกว่าใคร ตานัยนั่นเองหรอ แหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นไงล่ะ สบายดีมั้ย"


"สบายดีครับ พอดีมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ก็เลยถือโอกาสแวะมาหาเพขรน่ะครับ"


"อ๋อ เพชรอนยู่บนบ้านนะแแวะเข้าไปหาสิ"


พินิจนัยรีบเดินไปหาเพลงเพชรทันที


"เพชร" ชายหนุ่งเอ่ยทัก


"นัย" แววตาของเพลิงเพชรมีความยินดีที่ได้เห็นหน้าพินิจนัย แต่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น


"มาได้ไงเนี้ย"


"พอดีมาทำธุระที่นี่ แล้วก็เลยแวะมาเยี่ยม"


"ถ้าไม่ทำธุระก็คงไม่มา" น้ำเสียงมีแววน้อยใจ


"พอดีช่วงนี้ยุ่งๆน่ะ ต้องดูแลทั้งรีสอร์ทและก็ฟาร์มน่ะ ขยับไปไหนไม่ค่อยได้"


"เหรอ เป็นลูกชายคนเดียวก็แบบนี้แหละ" น้ำเสียงฟังดูเศร้าๆ จนพินิจนัยสังเหตเห็น


"เป็นอะไรไปไม่สบายหรือเปล่า"


"เปล่าหรอก ว่าแต่กลับไปคราวนี้ แล้วจะมาอีกเมื่อไหร่หรอ" เพลิงเพชรพยายามเปลี่ยนเรื่อง


"ยังไม่รู้เลย แต่คิดว่าน่าจะเร็วๆนี้แหละ เพราะต้องมาติดต่อทำธุรกิจกับบริษัททัวร์หลายๆที่เลยต้องมากรุงเทพฯบ่อยๆ"


"งั้นก็ดีสิเราจะได้เจอกันบ่อยๆ"


"ใช่ พอหลังจากเรียนจบ เราต่างคนต่างก็ทำงาน เลยเจอกันน้อยมาก"
"แล้ววันนี้อยู่ทานข้าวมั้ย"
"แน่อยู่แล้ว นานๆทีจะเจอเพื่อนรักสักที ต้องอยู่นานๆหน่อย"
ประโยคนี้ทำให้เพลงเพชรหยุดยิ้มทันทีก่อนจะกลับมาทำหน้าปกติ


............................................


อาหารมื้อเช้าถูกจัดขึ้นบนโต๊ะ พร้อมกับสมาชิกในครอบครัว
แน่นอนว่าหัวโต๊ะมีหัวหน้าครอบครัวนั่งอยู่เป็นชายวัยเกือบห้าสิบปี
"วันนี้ลูกจะเข้าบริษัทไหม พ่อจะได้แนะนำลูกสาวคนเดียวของพ่อให้บรรดาปู้บริหารและพนักงานรู้จักอย่างเป็นทางการ" โยธินผู้เห็นพ่อเอ่ยถามลูกสาว
"ก็ได้คะ แต่ศรายังไม่อยากทำงานนะคะ ขอพักสักนิดนะ"
"นิดแน่นะ" โยธินหรี่ตามองลูกสาว
"แน่คะ"
"งั้นวันนี้ฉันเข้าบริษัทกับคุณด้วยนะคะ" คุณหญิงดาวเอ่ยขึ้น
"ได้สิ ไปพร้อมหน้าพร้อมตานี่แหล่ะ"

ที่บริษัทเกี่ยวกับธุรกิจนำเข้าแห่งหนึ่ง
เหล่าผู้บริหารและพนักงานต่างต้อนรับลูกสาวท่านประธานที่เพิ่งเรียนจลจากเมืองนอก
"ลูกสาวท่านประธานสวยมากๆเลยคะ"
"แนานอนฉันก็มีลูกสาวคนเดียวนี่"
โยธินภูมิใจมาก พอเสร็จธุระ ศรารันก็ขอตัวก่อน
"จะไปหา รติ อีกละสิ "โยธินเอ่ยอย่างรู้ทัน
"ค่ะ" ศรารันยิ้มตอบ


หน้าห้องทำงานมีเรขาสาวนั่งทำงานอยู่
"สวัสดีค่ะ คุณศรารัน"
"พี่รติอยู่ข้างในใช่มั้ย"
"ค่ะ" จากนั้นเธอก็ทำท่าหยิบโทรศัพท์แต่ศรารันขัดไว้
"ไม่ต้องเดี่ยวฉันเข้าไปเอง"
เสียงประตูดังขึ้น แล้วผลักเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เข้ามา
"เที่ยงแล้วคะ คุณชาย ได้เวลาเติมพลังแล้ว ทำงานหนักระวัง
จะได้งานเปป็นภรรยานะค่ะ"
ประโยคนี้เรียนรอยยิ้มจากชายหนุ่ม
"แล้วน้องศรา จะยอมหรือเปล่าล่ะ" ชายหนุ่มล้อกลับ
"ไม่ยอมค่ะ " ศรารันรีบสวนกลับ
"ศราจะไม่ยอมให้อะไรทั้งนั้นมาพรากเราได้หรอกค่ะ" สีหน้าดูจริงจัง รติ อดขำไม่ได้
"ดูทำหน้าซีเรียสมากเลยนะ"
"แน่นอน ก็ศรารันรักพี่ รติคนเดียว รักมากที่สุด
ถ้าศราไม่ได้แต่งงานกับพี่รติ ศราขอตายดีกว่า"
"ศรา พูดอะไรอย่างนั้น ยังไงเจ้าสาวของพี่ก็คือศรารัน วัชระ คนเดียวอยู่แล้ว"
รติพูดให้กำลังใจศรารัน ซึ่งทำเอาเธอยิ้มไม่หุบ


หลังจากทั้งคู่ไปทานอาหารกลางวันเสร็จก็กลับมาที่บริษัทของรติ ตรงลานจอดรถ
"เดี่ยวพี่มีประชุมตอนบ่ายครึ่งกับลูกค้า พี่ต้องไปแล้วละ" รติมองดูนาฬิกาข้อมือ
"งั้น ศรากลับเลยดีกว่าค่ะ" จากนั้นศรารันก็ขับรถของเธอออกไป


ทางด้านเพลิงเพชรที่กำลังตามเจ้านายของเธอมาประชุม
แต่ลืมเอกสารที่รถจึงไปเอา เจ้านายจึงขึ้นไปก่อน ประตูลิฟต์กำลังจะปิด
เพลิงเพชรจึงรีบวิ่งแล้วตะโกนให้คนในลิฟต์รอ
"รอก่อนค่ะ" คนในลิฟต์จึงเปิดให้เพลิงเพชรเข้ามา ทัังคู่สบตากันแวบหนึ่ง
"ขอบคุณค่ะ" สดีครับเธอกล่าวขอบคุณ
ในลิฟต์มีเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อถึงชั้นเดียวกัน ต่างฝ่ายก็เดินออก
แล้วตรงไปที่ห้องประชุมเดียวกัน ต่างฝ่ายนึกสงสัยอยู่ในใจ
มาเฉลยตอนที่พบกับคุณกำพล ลูกค้าของรติ และเป็นเจ้านายเพลิงเพชร
"สวัสดีครับคุณรติ" กำพลเอ่ยทัก
"สวัสดีครับคุณกำพล ขอโทษนะครับที่ให้รอ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับเรามันคนคุ้นเคยกัน เอ่อ เดี๋ยวผมแนะนำผู้ช่วยคนใหม่ของผม
ชื่อเพลิงเพชรครับ" เพลิงเพชรยกมือไหว้รติรับไหว้
"เมื่อกี้เจอกันที่ลิฟต์ ผมไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยคุณกำพล"
"ดิฉันไม่ทราบว่าคุณคือ คุณรติ ขอโทษนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ " รติยิ้มอย่างสุภาพ
เมื่อการประชุมผ่านไปอย่างดี ทางฝ่ายคุณกำพลก็กลับไป


วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ในใจเรา



ตอนที่1
ณ เรือนไม้หลังหนึ่ง ใจกลางสวนผลไม้นานาชนิด มีหญิงสาว ผมยาว หน้าตาดี นั่งอยู่ตรงชาญหน้าบ้าน เ
ธอกำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตอนเธออายุ 10 ขวบ
….. เธอร้องไห้กอดมารดา ที่กำลังจะจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ ท่ามกลางสายตาของผู้เป็นลุง
พี่ชายของแม่และป้าสะใภ้ “ ดูแลตัวเองดีๆนะเพชร แม่คงอยู่ดูแลลูกอีกไม่ได้แล้ว”
ภาวันพูดกับผู้เป็นลูกซึ่งเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดใดๆ
“ ฝากลูกฉันด้วยนะพี่ภาค” พูดได้เพียงเท่านี้เธอก็สิ้นใจ ท่ามกลางความโศกเศร้าของทุกคน……

“ นั่งคิดถึงแม่อยู่หรือเพชร” ชายวัยกลางคนทักขึ้นจากด้านหลัง
“ค่ะ เพชรกำลังคิดว่า ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ กับการที่ท่านจากไป สิ่งไหนทำให้แม่มีควาสุขกันแน่”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ตั้งแต่เพชรเติบโตมา เพชรเห็นรอยยิ้มของแม่น้อยมาก แม่ชอบอยู่คนเดียว บางทีก็แอบร้องไห้”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ภาคผู้เป็นลุง เงียบไปสักพักก่อนจะตัดสินใจพูดบางสิ่ง
“เพชร จำได้มั้ย เกี่ยวกับเรื่องที่เพชรเคยถามลุงเรื่องพ่อ” ประโยคนี้ทำให้เพลิงเพชรต้องหันมามองลุง
“จำได้ค่ะ เป็นคำถามที่เพชรเคยถามทั้งแม่ และลุง แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบสัดครั้ง”
ภาคมองหน้าหลานสาวและตัดสินใจเล่าในสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอด
“พ่อของเพชร ชื่อคุณ โยธิน วัชระ เป็นผู้ดี มีเงิน เขารักกับแม่ของเพชร ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย
ทั้งคู่คบกัน จนวันหนึ่งพวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาด จากนั้นไม่นานภาวันก็ตั้งท้อง
พอโยธินทราบเขาก็อ้างว่ายังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อคน เขาให้ภาวันไปทำแท้ง แต่ภาวันทำไม่ได้
เขาจึงตีตัวออกห่างจากภาวัน แล้วไปคบกับผู้หญิงคนอื่น
ภาวันรักโยธินมาก แต่พอรู้ว่าผู้หญิงคนที่คบกับโยธิน คือ ดรุณี หรือ คุณหญิงดาว เพื่อนสนิทของเธอ
ยิ่งทำให้ภาวันเสียใจ แทบจะทำใจไม่ได้ เธอลาออก จากมหาวิทยาลัย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ภาวันแทบจะ
ไม่เป็นผู้เป็นคน เธอคิดจะฆ่าตัวตายตั้งหลายครั้ง ตากับยายของหลานก็พลอยเศร้า ตรอมใจล้มป่วยตาย ภาวันเสียใจ
จนเป็นคนที่ชอบเหม่อลอย อย่างที่เพชรเห็น นั่นแหล่ะ”
“แล้วตอนนี้ ครอบครัวนายโยธิน เป็นไงบ้างคะ” เพลิงเพชรเลี่ยงที่จะใช้คำว่าพ่อ
“เขาก็แต่งงานกับดรุณี อดีตเพื่อนรัก ของแม่เพชรนั่นแหล่ะ มีลูกสาวคนหนึ่ง ชื่อ ศรารัน รู้สึกว่าโยธินจะรัก
และหวงลูกสาวคนนี้มาก ลุงได้ข่าวว่าเพิ่งจะเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก เธอมีว่าที่คู่หมั้น เป็นนักธุรกิจหนุ่ม ไฟแรง รู้สึกจะชื่อ รติ”
เพลิงเพชรรับฟังอย่างเจ็บปวด และรู้สึกถึงแรงแค้นภายในใจตนเอง

………………………………..

กลางท้องถนนมีรถสัญจรไปมา หนึ่งในนั้น มีรถของหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังขับอย่างลังเลอย่างกับคนไม่ชินเส้นทาง
“ โอ้ย ทำไมมันงงอย่างนี้นะ รู้งี้ไม่ขับมาเองดีกว่า” เธอบ่นพึมพำ และมัวแต่มองข้างๆจนลืมมองข้างหน้า
ทันใดนั้นเอง รถเธอก็ชนท้ายคันหน้าอย่างจัง!
เธอตกใจ ทำอะไรไม่ถูก มารู้ตัวอีกที ก็มีคนมาเคาะกระจกประตูรถของเธอ
“ เฮ้ย! นี่มันอะไรกันคุณ ขับรถเป็นเปล่าเนี่ย อยู่ดีๆมาเสยท้ายรถผมเนี่ย ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะคุณ”
ชายหนุ่มหน้าตาดี ทำหน้ามุ่ย บ่งบอกว่าอารมณ์เสีย หญิงสาวรีบลงจากรถ สีหน้าตกใจ
“ เออ คือ ฉัน ฉัน ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ”
“ เหอะ ตั้งใจก็บ้าแล้ว แต่ผมต้องการให้คุณแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นหินแบบเมื่อกี้”
ชายหนุ่มไม่หยุดอารมณ์เดือดง่ายๆ จนหญิงสาวก็เริ่มจะโมโห
“ นี่คุณ! ที่ฉันนิ่งก็เพราะฉันตกใจ คุณไม่ต้องกลัวหรอกยังไงฉันก็รับผิดชอบอยู่แล้ว”
หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในรถ หยิบนามบัตรของเธอส่งให้ชายหนุ่ม
“นี่ นามบัตรฉัน มีอะไรเคลียร์กันทีหลังแล้วกัน วันนี้ฉันรีบ”
กล่าวจบหญิงสาวก็รีบขึ้นรถขับออกไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนงง พร้อมกับก้มลงอ่านนามบัตร “ ศรารัน วัชระ”
ณ คฤหาสน์หลังงาม รถของศรารันเลี้ยวจอดหน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอ ศรา เป็นอะไรไป ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ แล้วทำไมกลับมาเร็วจัง ไหนบอกว่าจะไปหาพี่รติไง ”
คุณหญิงดาวเอ่ยทักลูกสาวหน้าบ้าน เห็นลูกสาวทำหน้าบูดบึ้ง
“ คือ ศรา ขับรถชนท้ายรถคนอื่นค่ะ ศราก็เลยหมดอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น”
“ตายจริง เป็นอะไรหรือเปล่าเนี้ย” คุณหญิงดาวรีบทำการสำรวจลูกสาว
“เปล่าค่ะ ศราได้ให้นามบัตรไปแล้ว เดี๋ยวเขาก็คงโทรมาเอง ดูท่าทางอีตานั่นหน้าเลือดจะตาย”
ศรารันพูดอย่างหมั่นไส้
………………………………..