วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ในใจเรา



ตอนที่ 13



ที่คอนโดของชิดจันทร์ สองสาวกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข
“ฉันอยากจะให้แกเห็นสภาพของนังศรา ยิ่งตอนที่คุณรติบอกรักฉัน หน้านังนั่นเหมือนคนไร้วิญญาณ ฉันล่ะสะใจที่สุด” เพลิงเพชรพูดอย่างสมใจ
“ป่านนี้คงยังช็อคไม่หายละมั้ง” ชิดจันทร์พูดไปหัวเราะไป “แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อไป”
“คอยดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า” เพลิงเพชรตอบ
………………………………….
ในห้องนอนของศรารัน ปิดไฟมืดสนิท ไม่ให้ใครมารบกวน เธอน้ำตาไหลพลางคิดถึงตอนที่รติ บอกว่ารักเพลิงเพชร ประโยคนี้มันทำให้เธอเจ็บจนอยากจะตาย ศรารันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว เพราะรติหมดรักเธอแล้ว ศรารันหยิบกินยานอนหลับไปจำนวนมาก จนช็อค คุณหญิงดรุณีเข้ามาพอดีเพราะเป็นห่วงลูก ตกใจกับภาพตรงหน้า กรี๊ดลั่นบ้าน คนในบ้านแตกตื่น รวมทั้งโยธิน ทั้งสองรีบพาศรารันไปโรงพยาบาล
“ ลูกผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” โยธินถามหมอ
“ตอนนี้ ปลอดภัยแล้วครับ แต่ดูจากสภาพของเธอ เหมือนว่าจิตใจเธอจะผ่านเรื่องสะเทือนใจมานะครับ”
สามีภรรยาหันมามองหน้ากัน
ข่าวเรื่องงานแต่งงานของไฮโซที่ล่ม และการเข้าโรงพยาบาลของศรารันถูกตีลงหน้าหนังสือพิมพ์ รติที่พอรู้เรื่องก็ตามมาที่โรงพยาบาล แต่ถูกคุณหญิงดรุณีกันไว้
“อาว่ารติอย่ามาเจอกับน้องอีกเลย เพราะถ้าน้องเห็นหน้ารติ คงจะแย่ยิ่งกว่านี้”
“ผม ขอโทษครับคุณอา” รติรู้สึกผิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับไป

ทางฝ่ายเพลิงเพชรที่อ่านข่าวก็ยิ้มอย่างสะใจ
“ดีจริงๆ แต่เสียดายที่แกไม่ตาย ไม่อย่างนั้นพ่อแม่แก คงจะเจ็บปวดกว่านี้” เพลิงเพชรพูดกับตัวเอง


ณ รีสอร์ทริมเล สุชาติกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พินิจนัยก็เข้ามาทัก
“ มีข่าวอะไรบ้างครับ”
“อ๋อ ข่าวของพวกไฮโซน่ะครับ งานแต่งล่ม เพราะเจ้าบ่าวไปรักผู้หญิงอื่น เจ้าสาวก็เลยกินยากะจะฆ่าตัวตาย แต่หมอช่วยได้ทัน”
“หึ เบื่อพวกที่ชอบจะฆ่าตัวตายเพราะความรักจริงๆ ไม่รู้คิดได้ไง” พินิจนัยบ่นพลางหยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม
“ เจ้าสาว สวยดีนะครับ คุณนัยจะอ่านมั้ยครับ”
“ไม่ดีกว่า ผมจะไปเดินเล่น” พินิจนัยเดินออกไป

ที่โรงพยาบาล ศรารันฟื้นขึ้นมาก็ไม่ยอมพูดจาเอาแต่เหม่อลอย นิ่งเงียบ ยิ่งทำให้โยธินกับคุณหญิงไม่สบายใจ
ตอนนี้ในห้องพักของศรารันไม่มีใครมาเฝ้า เพลิงเพชรเดินเข้ามาเยี่ยมพร้อมกับพวงหรีดในมือ
“ไงจ๊ะ แม่น้องสาวสุดที่รักของพี่ อยากจะตายแล้วทำไมถึงไม่ตายจริงๆซะล่ะ มีชีวิตต่อไปก็จะทุกข์ใจเปล่าๆนะ” เพลิงเพชรพูดจากวนๆ ศรารันไม่สนใจยังนั่งเหม่อลอยเหมือนไม่ได้ยิน
“ดูๆไป ก็เหมือนคนตายนะเนี่ย สภาพดูไม่ได้ โทรมจนจำแทบไม่ได้” เพลิงเพชรยังพูดต่อ
“ พี่เอาดอกไม้มาเยี่ยม ดูสิจ้ะ สวยมั้ย” เพลิงเพชรยื่นพวงหรีดให้ดู ศรารันยังนิ่ง โยธินเปิดประตูเข้ามาพอดีเห็น
“นี่มันอะไรกัน เพลิงเพชร” เพลิงเพชรหันไปมองพลางยิ้ม
“ก็มาดูความสำเร็จของตัวเองไงคะ”
“ความสำเร็จ ที่ได้ทำร้ายน้องแบบนี้น่ะหรือ!” โยธินโมโห
“ใช่!” เพลิงเพชรขึ้นเสียง
“ฉันรอวันนี้มานานแค่ไหนรู้มั้ย สภาพของมันตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับแม่ของฉันตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านต้องทนทุกข์มากแค่ไหน ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นแม่ยิ้มสักครั้ง! แต่ไอ้คนที่มันทำให้แม่ทุกข์กลับอยู่สบายมีความสุขดี ฉันเกลียดคุณ เกลียดครอบครัวของคุณ จริงๆแล้วฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นพ่อฉันสักครั้ง” เพลิงเพชรระเบิดอารมณ์ออกมา แววตามีแต่ความแค้นและชิงชังคนตรงหน้า โยธินนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก “ เพลิงเพชร” พยายามจะเปล่งเสียงออกมา เพลิงเพชรโยนพวงหรีดไปที่ศรารันก่อนจะเดินออกไป เจอคุณหญิงดรุณีที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดตรงประตู เพลิงเพชรมองค้อนใส่ คุณหญิงได้แต่มองอย่างนิ่งๆ
“มันคงเป็นกรรมที่เราควรจะได้รับ ที่เคยทำไว้กับภาวัน” คุณหญิงพูดกับโยธิน พลางมองไปที่ศรารัน
………………………..
นับวันรติก็คบกับเพลิงเพชรอย่างเปิดเผย พาออกงานต่างๆ อย่างออกหน้าออกตา จนเป็นคู่รักที่คนในแวดวงไฮโซสนใจ ส่วนศรารันนับวันสภาพก็ยิ่งแย่ ไม่ยอมพบปะผู้คน พูดจาน้อยมาก ถามคำตอบคำ จนคนเป็นพ่อแม่ก็ทุกข์ไปด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอออกงานผู้คนก็พากันซุบซิบ นินทา ว่าเธอโทรมมากๆ ไม่เหมือนแต่ก่อน ไม่พูดจาเลยชอบเหม่อลอยตลอด คุณหญิงจึงไม่พาเธอออกงานอีกเลย
“ ฉันทนไม่ได้แล้วนะคุณ ขืนปล่อยลูกเราไว้แบบนี้ ก็ยิ่งแย่” คุณหญิงดรุณีปรึกษาสามีอย่างเครียดๆ
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ” โยธินเห็นด้วย โทรทัศน์เปิดอยู่พอดี เป็นรายการท่องเที่ยว มีโฆษณา เกี่ยวกับความงามของรีสอร์ทริมเล และสปาบำบัดจิตใจ ทั้งสองฟังอย่างสนใจ ศรารันเดินมาพอดี มองโทรทัศน์ พลางพูดขึ้นลอยๆ
“สวยจัง” ทั้งสองหันมามองลูกสาว แล้วกลับมามองหน้ากันเองเหมือนคิดอะไรตรงกัน
…………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น