วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ในใจเรา


ตอนที่ 14


“ที่นี่สวยจริงๆด้วยนะคะคุณ” คุณหญิงดรุณีพูด พลางมองไปรอบๆตัวรีสอร์ทริมเล
“ที่นี่แหล่ะ ที่จะทำให้ศรากลับมาเป็นคนเดิม ยิ่งลูกเราอยู่ห่างไกลจากสภาพแวดล้อมเดิมๆมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งดี”โยธินพูด ศรารันมองไปตรงทะเลที่งดงาม ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาหน่อยๆ
“สวัสดีครับ ใช่คุณโยธินและครอบครัวหรือเปล่าครับ” คุณสุชาติผู้ช่วยของพินิจนัยออกมาต้อนรับแขกที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อมา
“ใช่ครับ”
“งั้นขอเรียนเชิญด้านในครับ” ทั้งหมดเดินตามสุชาติไป สุชาติแอบเหลือบมองศรารัน แล้วคิดว่าหน้าคุ้นๆ
เมื่อมาถึงที่ห้องรับรองแขกวีไอพี สุชาติให้ทั้งหมดนั่งรอสักครู่
“รอสักครู่นะครับ คุณพินิจนัยกำลังมา” สักพักพินิจนัยก็เดินมา
“สวัสดีครับ ขอโทษนะครับที่ให้รอ” โยธินและคุณหญิงดรุณีหันไปมอง อดแปลกใจไม่ได้ที่เจ้าของรีสอร์ทยังหนุ่มแถมเป็นคนหน้าตาดี ที่ถือว่าหล่อมากก็ว่าได้ ทีแรกนึกว่าอายุมาก ส่วนศรารันยังยืนเหม่อลอยมองไปทางอื่นไม่สนใจอะไร
“ไม่เป็นไรครับ คุณคือคุณพินิจนัยเจ้าของที่นี่ใช่มั้ยครับ” โยธินเอ่ยถาม
“ครับ ผมพินิจนัย”พินิจนัยตอบอย่างสุภาพ
“แหม ยังหนุ่มอยู่เลยนะคะ” คุณหญิงดรุณีพูด
“ ครับ คือคุณพ่อผมเพิ่งเสียไปไม่นาน ผมก็มารับช่วงต่อจากท่าน จากรีสอร์ทเล็กๆ ก็เริ่มขยับขยายไปเรื่อยๆ”
“ คนหนุ่มไฟแรง ก็แบบนี้แหล่ะ” โยธินเอ่ยชม แล้วก็เข้าเรื่อง
“คืออย่างที่เราทราบว่าคุณมีสปาบำบัดจิตใจคน รวมทั้งที่นี่ ก็มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม ผมเชื่อว่ามันจะสามารถช่วยลูกสาวของผมได้” ความจริงสิ่งที่พินิจนัยรู้คร่าวๆก็คือจะมี แขกที่มีระดับ พาลูกสาวมาบำบัดจิตใจที่นี่ แต่เขาก็ไม่รู้อะไรละเอียดมาก เขามองไปทางด้านหลังหญิงสาวที่ยืนมองตรงหน้าต่างไปออกไป ตั้งแต่เขาเข้ามา ยังไม่เห็นหญิงสาวหันมาสนใจเขาแม้แต่นิด
โยธินมองไปที่ลูกสาว “ นี่ลูกสาวผมครับ เธอผ่านเรื่องสะเทือนใจมา จนไม่อยากจะรับรู้อะไรเลย แม้แต่พูด ยังไม่ค่อยจะพูดเลย” โยธินพูดอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะมองหน้าภรรยา แล้วตัดสินใจเล่าเรื่อง
“ คือว่า ลูกสาวของผมกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่แล้ววันงานผู้ชายกลับบอกว่ารักผู้หญิงอีกคน ลูก ผมทำใจไม่ได้เพราะรักผู้ชายคนนั้นมากจึงช็อค ถึงขนาดพยายามจะฆ่าตัวตาย แต่ก็รอดมาได้ จากนั้นก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่มีชีวิต” โยธินพูดเศร้าๆ เขาพยายามจะไม่เล่ารายละเอียดทั้งหมด พินิจนัยฟังอย่างเห็นใจ
“ ฟังดู ก็น่าเห็นใจนะครับ เอาเป็นว่าผมและทางรีสอร์ทริมเล จะดูแลและพยายามช่วยให้ลูกสาวคุณ กลับมาเป็นคนเดิม” พินิจนัยรับปากพลางมองไปที่หญิงสาว โยธินเรียกศรารันถึงสองครั้ง เธอถึงจะหันมา พินิจนัยตกใจเมื่อเห็นหญิงสาว คุณหญิงดรุณีเดินพาลูกสาวมานั่ง
“นี่ ศรารัน” ลูกสาวของผม
พินิจนัยยังตกใจไม่หาย แต่เมื่อถูกโยธินเอ่ยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พินิจนัยจึงรีบบอกว่าเปล่า
“ ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดีครับ ไม่ต้องห่วง” พินิจนัยยังมองศรารันไม่ห่างตา
“ฝากด้วยนะครับ ผมกับภรรยาจะแวะมาบ่อยๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีงานสำคัญที่ยุโรป คงจะพักที่นี่ สักสองสามวัน ผมกับภรรยาชอบที่นี่มากๆ”
“ดิฉันให้นิ่ม สาวใช้ของดิฉันตามมาอยู่ดูแลศราด้วย หวังว่าคุณคงไม่ว่านะคะ” คุณหญิงพูด
“ ยินดีครับ” พินิจนัยตอบรับ เมื่อจัดการเรื่องธุระทุกอย่างเรียบร้อย โยธินกับคุณหญิงก็กลับไป


ห้องพักของศรารันถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษ เป็นห้องที่เห็นวิวของทะเลได้ชัดเจน
ตอนนี้พินิจนัยปล่อยให้ศรารันพักผ่อนไปก่อน เขาออกมาคุยกับสุชาติ
“ ผู้หญิงคนนี้แหล่ะครับ ที่ลงหนังสือพิมพ์ ที่ผมเล่าให้คุณนัยฟังเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
“ โลกมันช่างกลมดีแท้” พินิจนัยบ่นพึมพำ
“คุณนัยว่าอะไรนะครับ”สุชาติได้ยินไม่ถนัด
“ผมเคยเจอผู้หญิงคนนี้ครั้งหนึ่งครับ คนที่ขับรถเสยท้ายรถของผม”
“ แหม บังเอิญ จังเลยนะครับ เอ๊ะ หรือนี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิต” สุชาติพูดแซวยิ้มๆ พินิจนัยขำกับท่าทีของสุชาติ
“ไร้สาระน่า พรหมลิขิต อะไรกัน ผมว่าอาจจะโชคร้ายก็ได้ ขนาดเจอกันครังแล้วก็ไม่ดีซะแล้ว”
“อ้าว คุณนัยไม่เคยได้ยินหรือครับ กับประโยคที่ว่า เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายด้วยรัก” พินิจนัยจึงหัวเราะหน่อยๆ พลางส่ายหัว
…………………………………
ศรารันตื่นแต่เช้า ออกไปเดินเล่นริมทะเลรับอากาศสดชื่น แต่ยังมีใบหน้าที่เศร้า ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ไม่มีวันไหนที่เธอไม่ทุกข์ แต่เธอก็พยายามที่จะปฏิเสธการรับรู้ใดๆ แต่การที่ได้มาเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ทำให้เธอค่อยยังชั่ว พินิจนัยเห็นเธอพอดี จึงเดินตรงเข้ามา
“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”
ศรารันเงียบไม่ตอบ และไม่หันมามอง
พินิจนัยจึงพูดต่อ “ น่าแปลกจริงๆเลยนะครับ ครั้งแรกที่ผมพบคุณคราวก่อน กับครั้งนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน” ศรารันหันมามองหน้าพินิจนัย สีหน้าของเธอเหมือนคิดอะไรอยู่
“ ผู้หญิงคนนั้นดูมีชีวิตชีวา น่าสนใจ แต่ผู้หญิงคนที่ยืนกับผมตรงนี้ เหมือนไร้วิญญาณ ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้น ก็คงจะไม่เลือกคุณ” ประโยคนี้ ทำให้ศรารันขมวดคิ้ว
พินิจนัยเริ่มเห็นว่าศรารันไม่พอใจก็ยิ่งพูด
“ ทำไมถึงยอมให้ ผู้ชายคนเดียวมาทำลายชีวิตคุณแบบนี้ ผมว่า ถึงแม้คุณจะประชดตัวเองแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่กลับมาหาคุณหรอก” ศรารันเริ่มโมโห
“คนโง่ เท่านั้นแหล่ะ ที่ยอมฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก”
“นี่คุณ!” ในที่สุดพินิจนัยก็ทำให้ศรารันยอมพูดออกมา แม้ว่าจะเป็นในแง่ทะเลาะกัน แต่อย่างน้อยเธอก็จะได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง
“กล้าดียังไงมาว่าฉัน!”
“ผมก็พูดไปตามความรู้สึกของผม ผมว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดหรอก คนระดับเดียวกับคุณ พวกชนชั้นไฮโซของพวกคุณคงจะพูดกันสนุกปากทั้งนั้น”
“คุณไม่มาเป็นฉัน คุณไม่รู้หรอก ว่าฉันรู้สึกอย่างไร” ศรารันพูดน้ำตาพลางจะไหล
“ครับ ผมไม่รู้หรอก แต่ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะยืนหยัดอย่างสง่า ไม่ยอมให้ใครมาซ้ำเติมหรือเวทนาผมได้ ดีซะอีกที่คุณรู้ความจริงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักคุณ ก่อนที่จะสายไป คุณลองคิดดูสิ ถ้าคุณมารู้ทีหลังมันจะเป็นยังไง ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะคุณ คุณทำเหมือนกับว่าผู้ชายได้หมดโลกไปแล้วยังนั้นแหล่ะ” ประโยคหลังเขาพูดกวนๆ ศรารันมองค้อนใส่ พลางคิดในใจ ไอ้ผู้ชายบ้า ทีแรกก็พูดดีอยู่หรอก ตอนนี้กลับมาพูดกวนๆเหมือนเดิมอีกแล้ว
“คุณ นี่ มันชอบพูดจากวนประสาทจริงๆเลยนะ ตั้งแต่วันแรกแล้วนะ แล้วก็ยังโทรมากวนฉันอีก” ศรารันพูดอย่างโมโหหบ่อยๆ
พินิจนัยมองแล้วก็ทำหน้ากวนๆ
“หือ นี่คุณยังจำได้ด้วยหรือเนี่ย ผมนึกว่าคุณคงจะลืมผมไปแล้ว แหม ที่แท้ไอ้เรามันก็น่าจดจำด้วยแฮะ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันส่ายหัว
“ไอ้บ้า ติงต๊อง หรือเปล่าเนี่ย ที่ฉันจำได้ ก็เพราะคนกวนๆ บ้าๆ ที่ฉันรู้จักก็มีนายนั่นแหล่ะ” ศรารันพูดจบก็เดินหนี พินิจนัยเดินตาม “เดี๋ยวคุณ วันนี้ผมจะพาคุณไปที่สปาของผม ไปบำบัดหัวใจ เอ้ย จิตใจ สักหน่อย” ศรารันหยุดเดินหันมามองตาขวาง
“ อยู่ติดกับรีสอร์ทของผมเลย เดินแป๊บเดียวก็ถึง รับรองว่าคุณต้องผ่อนคลายแน่ๆ”
“ก็ได้” ศรารันยอมเดินตามพินิจนัยไป

1 ความคิดเห็น: