วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ในใจเรา




ตอนที่ 22


เมื่อเดินเข้ามาในบ้านพัก ศรารันก็รู้สึกสับสนภายในใจตนเอง เธอพยายามบอกกับตนเองว่า ไม่ได้คิดอะไรกับพินิจนัยเกินเลยไปกว่าคนรู้จัก ระหว่างที่คิดอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์จึงหยิบขึ้นมาอ่าน เมื่อเปิดหน้าข่าวสังคมก็เห็นข่าวการประกาศแต่งงานของรุ่นพี่ที่สนิทรู้จักกัน
“เอ๊ะ นี่พี่กานต์จะแต่งงานเหรอเนี่ย” ศรารันพูดกับตนเอง จากนั้นก็ไปหยิบมือถือที่ชาร์ตทิ้งไว้หลังจากปิดไว้เป็นเดือนไม่เคยเปิดเลย เปิดเครื่องแล้วกดโทรออก
ปลายสายรับด้วยเสียงตื่นเต้น
“น้องศรา โทรมาได้ไงเนี่ย พี่ดีใจจริงๆเลย รู้มั้ยว่าพี่ติดต่อศราไม่ได้เลย” กานต์พูดอย่างดีใจ
“พอดีศราเพิ่งเปิดเครื่องค่ะ แล้วศราก็เห็นข่าวที่พี่กานต์จะแต่งงานก็เลยโทรมาถาม”
“ใช่ พี่จะแต่งงาน พี่ได้บอกคุณอาโยธิน ให้ฝากบอกศราด้วย ว่าให้มางานให้ได้ แต่เห็นคุณอาบอกว่า ศราอาจจะยังไม่พร้อมออกมาพบปะใครๆโดยเฉพาะ……..” กานต์หยุดพูดชื่อคน ที่คิดว่าศรารันอาจจะไม่อยากได้ยิน แน่นอนว่างานนี้รติต้องมาแน่ๆเพราะเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกานต์
ศรารันเงียบไปพักหนึ่ง มีแววตาแห่งความเจ็บปวดเข้ามา ก่อนจะพูด
“ ศราจะไปค่ะ ยังไงพี่กานต์ก็เปรียบเสมือนพี่สาวของศรา แล้วเราค่อยพบกันวันงานของพี่นะคะ” ศรารันพูด ก่อนวางสาย คงถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงสักที เธอได้โทรไปบอกที่บ้านว่าอีกสองวันจะกลับแล้ว ให้ส่งคนมารับเธอ ทีแรกโยธิน กับคุณหญิงดรุณีจะมาเอง
แต่ศรารันปฏิเสธ เธอขอแค่คนขับรถพอ ทั้งสองท่านจึงตามใจ

ตื่นเช้ามาศรารันไปเดินเล่นที่ชายทะเล มองบรรยากาศไปรอบๆ ทั้งท้องฟ้า ทะเล
และตัวรีสอร์ทริมเล เธออยากจะจดจำที่แห่งนี้เอาไว้ให้นานที่สุด เพราะเป็นที่ที่ทำให้เธอ ลืมความทุกข์ไปได้มาก ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นบ้าง แต่มันก็ถือเป็นความทรงจำที่ดี เพราะผู้ชายคนหนึ่งได้ช่วยเธอเอาไว้ เขาไม่ได้ช่วยแค่ตัวเธอเท่านั้น แต่ยังช่วยภาวะทางจิตใจของเธอให้ดีและเข้มแข็งขึ้น ระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นพินิจนัยกำลังพูดคุยกับแขกตรงหน้ารีสอร์ท เมื่อเห็นว่าพวกเขาพูดคุยกันเสร็จแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหาเขา
“ อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ คุณเจ้าของรีสอร์ท” ศรารันทักยิ้มๆ พินิจนัยหันมา
“อ้าว นึกว่าสาวที่ไหนมาทักผม ที่แท้ก็คุณนั่นเอง” พินิจนัยแกล้งพูด
“ทำไม? ปกติมีสาวๆมาทักบ่อยล่ะสิ”
“โอ้ย เยอะแยะครับ นับไม่ถ้วน” พินิจนัยพูดอย่างกะล่อน จนศรารันทำหน้าหมั่นไส้
“แหว่ะ คุณนี่มันหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่าฮะ น้อยๆหน่อยก็ดีนะ”
พินิจนัยหัวเราะ “ ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้นเองครับ”ศรารันส่ายหน้าแต่ก็แอบยิ้ม
“แล้วนี่ คุณทานข้าวเช้าหรือยังครับ” พินิจนัยเอ่ยถาม ศรารันส่ายหน้า
“งั้นไปทานพร้อมผมดีกว่า” ว่าแล้วพินิจนัยก็เดินนำหน้าไปเลย ปล่อยให้ศรารันทำหน้าเหวอ
นี่เขาชวนผู้หญิงทานข้าวแบบนี้หรือเนี่ย

เมื่อมาที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
หลังจากที่ทั้งสองก็สั่งอาหาร ศรารันก็พูดขึ้น
“แน่ใจนะ ว่าเมื่อกี้คุณชวนฉันทานข้าว”
“ทำไมหรือครับ” พินิจนัยมองหน้า
“ก็อยู่ๆคุณก็พูดว่าให้มาทานข้าว พร้อมคุณ จากนั้นก็เดินนำมาเลย ไม่ฟังคำตอบของฉันว่าฉันอยากจะมาทานข้าวกับคุณหรือเปล่า”
“ถ้าคุณไม่อยากมา ก็คงไม่มานั่งตรงนี้หรอกครับ ใช่มั้ย” พินิจนัยพูดกวนๆ
“หรือว่าคุณอยากให้ผมคุกเข่าแล้ว พูดกับคุณว่า คุณศรารันครับ ได้โปรดให้เกียรติไปทานข้าวกับกระผมสักมื้อได้มั้ยครับ”
ศรารันมองหน้า พินิจนัย แล้วว่า “ จะบ้าหรือไง ใครเขาอยากจะให้ทำแบบนั้นกันเล่า” พินิจนัยหัวเราะ
“ผมล้อเล่นน่า” เมื่ออาหารมาเสริฟต์ ทั้งคู่ก็รับประทานพลางพูดคุยกันจนถึงเรื่องที่ว่า
“ พรุ่งนี้ ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ” ประโยคนี้ทำเอาพินิจนัยแทบอิ่มเงยหน้า
ขึ้นมองศรารัน
“ เหรอครับ” พินิจนัยฝืนยิ้ม “ คุณคงคิดถึงบ้านใช่มั้ยครับ”
ศรารันก็ทำหน้าบอกไม่ถูก เธอเองก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ ฉันว่า มันถึงเวลาที่ฉัน ควรจะกลับไปพบกับความจริง ดีกว่าที่จะมาคอยหลบอยู่แบบนี้”
“มันก็จริงอย่างที่คุณพูด คนเราไม่สามารถหนีอะไรได้ไปตลอดชีวิตหรอก” พินิจนัยพูด พยายามทำให้เป็นเสียงปกติ ทั้งสองมองตากัน

ตกกลางคืน ศรารันเก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่น อยู่ใต้ต้นลีลาวดีหรือลั่นทม แล้วนั่งดูพระจันทร์และดาวบนท้องฟ้าที่เต็มไปหมด
ทางฝ่ายพินิจนัยก็นอนไม่หลับ ออกมาเดินเล่นเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกที มาอยู่ที่หน้าบ้านพักของ
ศรารัน เขามองอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหลังกลับพลางเหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ เขาแอบดีใจ แล้วเดินเข้าไปทัก
“ ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณ นอนดึกระวังแก่เร็วนะ” ศรารันหันมามอง
“ก็ฉันไม่ง่วง แล้วคุณล่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก”
“ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”พินิจนัยพูด นั่งลงข้างๆศรารัน
“ ท้องฟ้ามีอะไรหน้ามองหรือครับ เห็นมองตั้งนาน”
“ ก็ดาว กับพระจันทร์งัย เห็นมั้ยล่ะว่าสวยแค่ไหน” ศรารันพูดตายังคงมองท้องฟ้าอยู่
“นั่นสิครับ สวยจริงๆ ผมเองก็ชอบมองดาวกับพระจันทร์เหมือนกัน สองสิ่งนี้เป็นอะไรที่คู่กันจริงๆ คุณว่ามั้ยครับ” พินิจนัยเอ่ยถาม
“ แต่ก็มีบางคืน ที่ไม่มีดาวแต่มีพระจันทร์ หรือไม่ก็ มีดาว แต่ไม่มีพระจันทร์” ศรารันพูด
“ ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอกครับ เพียงแต่เราไม่เห็นมากกว่า ความจริงมันก็อยู่ของมันเหมือนเดิมแหล่ะครับ ถ้าอยากเห็นจริงๆ ก็ต้องใช้ใจมองสิครับ แล้วคุณจะเห็นเอง” คำพูดของพินิจนัยทำเอาศรารันหันมามองหน้าเขา
“คุณนี่ก็พูดจาซึ้งเป็นกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย”
“มันก็ต้องมีบ้าง ผู้หญิงจะได้หลงงัยครับ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันเองก็ยิ้มกับคำพูดของเขา
“แล้วถ้าให้ คุณเลือก ว่าจะเป็นอะไร ระหว่าง พระอาทิตย์ พระจันทร์ และก็ดวงดาว คุณจะขอเกิดเป็นอะไร” ศรารันถาม พินิจนัย ทำท่าคิด
“พระอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ให้แสงสว่างแก่ทุกสิ่ง แต่ผู้คนมองมันได้แค่แป็บเดียว ก็ไม่อยากมอง
พระจันทร์ ให้แสงไม่มาก แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อความมืดมิด ใครๆก็สามารถมองมันได้
ดวงดาว มีแสงน้อยมาก แต่มีหลายดวง ประดับอยู่บนฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงาม และอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนพระจันทร์เสมอ ถ้าผมต้องเลือกจริงๆ ผมก็ขอเกิดเป็นพระจันทร์ ที่คอยให้แสงสว่างแก่ความมืดมิด และก็มีดาวอยู่เป็นเพื่อนอีกมากมาย ไม่โดดเดี่ยวเหมือนพระอาทิตย์ ที่ยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ไร้สิ่งรอบข้าง”
ศรารันแอบประทับใจพินิจนัยอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้มีความจริงก็แอบโรแมนติกเหมือนกัน
“ ดวงดาวที่คุณว่านี่ คงจะหมายถึงพวกสาวๆล่ะสิ”
“ถ้าเป็นได้ก็ดีครับ” พินิจนัยพูดหน้าตาย ศรารันทำหน้าหมั่นไส้
“ แต่ผมจะให้คุณเป็นดาว ดวงที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า ดีมั้ยครับ” พินิจนัยพูด
“ ทำไมล่ะ”
“ ก็ดาวที่สว่างที่สุด ก็คือดวงที่สวยที่สุดเหมือนกัน” พินิจนัยพูดจาหยอด ทำเอาศรารันแอบเขิน แต่ก็ทำเป็นหน้านิ่ง
“ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันไปนอนก่อนดีกว่า” ศรารันทำท่าลุก พินิจนัยก็พูดขึ้น
“พรุ่งนี้ ผมคงไม่เจอคุณแล้ว เพราะมีธุระแต่เช้า เอาเป็นว่าผมขอให้คุณโชคดีละกัน ถ้าว่างๆ ก็มาพักที่ริมเลได้ตลอด ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอ ให้พักฟรีๆเลยครับ” พินิจนัยพูด ศรารันมองหน้าเขา รู้สึกใจหาย ที่พรุ่งนี้จะไม่ได้พบเขาแล้ว แต่แล้วก็ทำเป็นฝืนยิ้ม แกล้งพูด
“ ดีจริงๆเลย เดี๋ยวฉันจะมาพักฟรี บ่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันเข้าไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วศรารันก็รีบหันหลังเดิน เพราะกลัวว่าจะฝืนยิ้มได้ไม่นาน พินิจนัยมองตาม ด้วยสีหน้าเศร้า ความจริงแล้วพรุ่งนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไรเลย เพียงแต่ไม่อยากให้ศรารันจับความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้
………………………………….

1 ความคิดเห็น: