tag:blogger.com,1999:blog-84006339774580926032024-03-04T22:44:35.534-08:00นางสาวนิตยา มีทองแสน ID50119231กลยุทธ์การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศMeenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.comBlogger40125tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-39054103714628974532014-09-12T05:57:00.001-07:002014-09-12T05:57:22.103-07:00รู้เท่าที่ควรรู้<span style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;">ยืนซื้อลูกชิ้นปิ้ง ได้ยินลุงขายลูกชิ้นสอนแม่ค้าร้</span><wbr style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;"></wbr><span class="word_break" style="background-color: white; color: #37404e; display: inline-block; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;"></span><span style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;">านข้างๆ ว่า</span><br style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;" /><br style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;" /><span style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;">"เวลาคุยกับคนอื่นน่ะ คุยแค่เรื่องที่เขาคุยพอ เรื่องอื่นที่เขาไม่พูด โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว ไม่ต้องไปถามเขา ไม่ต้องไปเสือก"</span><br />
<span style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: #37404e; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 16.3636360168457px; line-height: 20px;">cr.แอ้มแป้น</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-28085287560189823472010-05-17T20:29:00.000-07:002010-05-17T20:36:34.162-07:00เสียดายแต่คงย้อนเวลากลับไม่ได้อีกแล้ว<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD2kXmRkolFiUw7zLompllIMEwpDzJgsst0B1Cjbr0GUJcNQ3E_So9JQ0hzx0AY962cieK7IhujDTeQ_YHbJqrbrGlrIKfN4smNtEN9zlCe-giHb6Z2wxlgFtZnfHxYiiXQL5tmoOMnTl4/s1600/always.jpg"><img style="MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 248px; FLOAT: right; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5472448650209786818" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD2kXmRkolFiUw7zLompllIMEwpDzJgsst0B1Cjbr0GUJcNQ3E_So9JQ0hzx0AY962cieK7IhujDTeQ_YHbJqrbrGlrIKfN4smNtEN9zlCe-giHb6Z2wxlgFtZnfHxYiiXQL5tmoOMnTl4/s320/always.jpg" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGcnjZyCYuoBmz_cgdFEZVhl3kUj0wvZ0f3iWHfn0GIKvXt7Y4t5sfJSO3ixObWE6aRUYlKx7nr_zffaeqT7voA97N-XwdBNBye1mmOgvRKv35wXJNhfgxlZZyKbZyo5pXwUEcyaI2Us4N/s1600/SadWoman.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 239px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5472448512072828482" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGcnjZyCYuoBmz_cgdFEZVhl3kUj0wvZ0f3iWHfn0GIKvXt7Y4t5sfJSO3ixObWE6aRUYlKx7nr_zffaeqT7voA97N-XwdBNBye1mmOgvRKv35wXJNhfgxlZZyKbZyo5pXwUEcyaI2Us4N/s320/SadWoman.jpg" /></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_P6-1vtw7pmNfV5rNcJsdLpscN5he5gFiePaP_gQ3VMAej6jtjq0vpynkC6Hn1ylIvEuqWSc_nlYjjvR7r9LIP2hkT8K4iXq0bGeymsPHDx4CGmGnDjJ_f_KxF6TycWTJovI6quNswpr6/s1600/P6011490.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 400px; DISPLAY: block; HEIGHT: 300px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5472448268701070226" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_P6-1vtw7pmNfV5rNcJsdLpscN5he5gFiePaP_gQ3VMAej6jtjq0vpynkC6Hn1ylIvEuqWSc_nlYjjvR7r9LIP2hkT8K4iXq0bGeymsPHDx4CGmGnDjJ_f_KxF6TycWTJovI6quNswpr6/s400/P6011490.jpg" /></a><br /><br /><br /><div><span style="font-size:180%;color:#6600cc;"><strong>ท้องฟ้ามันครึ้ม มันครึ้มออกอย่างนี้<br />มันเหงาทุกทีที่ได้มอง ใจมันหาย<br />เสียงฟ้ามันร้อง หยาดฝนหล่นเป็นสาย<br />ยิ่งหวั่นไหว ยิ่งทำให้สับสน<br /><br />นึกถึงคนที่เคย<br />คนที่เคยอยู่ตรงนี้ นึกถึงทุกทุกที ที่เห็นฟ้ากว้างใหญ่<br />นึกถึงบางคน ที่รักเสมือนดวงใจ ที่เพิ่งจากไป<br />เสียดาย… ที่วันนี้ไม่มีเธออยู่<br /><br />ถึงรู้แก่ใจ ว่าคงได้แต่ฝัน ก็จะฝันรอคอยมันเรื่อยไป<br />อยู่อย่างนั้น ใจยังจดจำ เมื่อเธออยู่กับฉัน<br />ได้แค่ฝัน ก็ยังเปี่ยมด้วยความหมาย<br /><br />นึกถึงคนที่เคย คนที่เคยอยู่ตรงนี้<br />นึกถึงทุกทุกที ที่เห็นฟ้ากว้างใหญ่<br />นึกถึงบางคน ที่รักเสมือนดวงใจ ที่เพิ่งจากไป<br />เสียดาย… ที่วันนี้ไม่มีเธออยู่<br /><br />อยากจะทำ ทุกสิ่ง อยากจะทำ ทุกอย่าง<br />หากจะพอมีหวัง ให้คืนวันมันย้อนไป<br />คืนวันที่ดี อยากจะมีเธอข้างกาย ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br /><br />อยากจะทำ ทุกสิ่ง อยากจะทำ ทุกอย่าง<br />หากจะพอมีหวัง ให้คืนวันมันย้อนไป<br />คืนวันที่ดี อยากจะมีเธอข้างกาย ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br /><br />อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น อยากขอให้เป็นดังเดิมทุกอย่าง<br />อยากขอให้เป็นไปอย่างที่หวัง ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br />ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง..<br /><br />อยากจะทำ ทุกสิ่ง อยากจะทำ ทุกอย่าง<br />หากจะพอมีหวัง ให้คืนวันมันย้อนไป<br />คืนวันที่ดี อยากจะมีเธอข้างกาย ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br /><br />อยากจะทำ ทุกสิ่ง อยากจะทำ ทุกอย่าง<br />หากจะพอมีหวัง ให้คืนวันมันย้อนไป<br />คืนวันที่ดี อยากจะมีเธอข้างกาย ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br /><br />อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น อยากขอให้เป็นดังเดิมทุกอย่าง<br />อยากขอให้เป็นไปอย่างที่หวัง ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง<br />ให้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง..<br /><br />อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น.. </strong></span></div></div></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-64684321556718385822010-03-14T04:49:00.000-07:002010-03-14T04:51:43.819-07:00งานชิ้นที่ 11ใช้ Mind Map ในการจัดทำสรุปสิ่งที่ได้รับจากวิชานี้<strong></strong><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinGPqwZfPXN5ttuRnE8xsfTQX1vyLYc56VDkZbeE5qGHYhJsfSwmGvpupXJ-fwGSvfRhW7351oz5G_tFp9nbXcJJ2Xylmgjek6NmDceOF7DZm4nGmm5yL9O3tUhomSM12Ik6PhYnedxTWJ/s1600-h/nidtaya.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 400px; DISPLAY: block; HEIGHT: 197px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5448455748537513090" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinGPqwZfPXN5ttuRnE8xsfTQX1vyLYc56VDkZbeE5qGHYhJsfSwmGvpupXJ-fwGSvfRhW7351oz5G_tFp9nbXcJJ2Xylmgjek6NmDceOF7DZm4nGmm5yL9O3tUhomSM12Ik6PhYnedxTWJ/s400/nidtaya.jpg" /></a><br /><div></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-28762766757125330282010-02-23T21:17:00.000-08:002010-02-23T21:24:01.672-08:00งานชิ้นที่ 10<span style="font-size:130%;color:#660000;">1. การบริหารกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ ในองค์กรมีความสำคัญ ความจำเป็น มากน้อยเพียงใด และเหตุใดทุกหน่วยจะต้องดำเนินการ ไม่ดำเนินการได้หรือไม่</span><br /><span style="color:#006600;">- ระบบสารสนเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ข้อมูลผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว สามารถช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารในการพัฒนาองค์กรที่ดีขึ้น ดังนั้นการบริหารกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทุกหน่วยต้องดำเนินการ เนื่องจากระบบสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้เราเรียนรู้และได้เปรียบคู่แข่งเพราะหากเรามีการพัฒนาระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศให้มี ประสิทธิภาพ และมีความเร็วเหนือกว่าคู่แข่งและจะทำให้องค์กรของเรามียอดกำไรมากขึ้น และจะทำให้องค์กรของเรามีความเชื่อถือจากลูกค้าและผู้สนับสนุน ต่างๆ</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="font-size:130%;color:#660000;">2. กรณีศึกษาบริษัทประกันชีวิต ABXY ตามเอกสารที่แจกไปเมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 นั้น ท่านคิดว่าจะมีกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการ บริหารจัดการให้บริษัทดีขึ้นได้หรือไม่อย่างไร พร้อมให้เหตุผลประกอบ ด้วย</span><br /><span style="color:#006600;">:สำหรับการศึกษาบริษัทประกันชีวิต ต้องมีการนำกลยุทธ์ด้านการจัดการระบบสารสนเทศในองค์กรเข้าไปใช้โดยเริ่มต้นจาก</span><br /><span style="color:#006600;">- การปรับปรุงสารสนเทศเพื่อการจัดการฐานข้อมูลเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ</span><br /><span style="color:#006600;">- การ นำเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาใช้ในการจัดการด้านการสื่อสารส่งผ่านข้อมูล ต่างๆของบริษัทสู่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปรวมถึงการจัดการด้านการสื่อสาร ระหว่างแผนกแต่ละสาขาของบริษัทเพื่อลดข้อจำกัดในการสื่อสารและลดความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มบุคคล</span><br /><span style="color:#006600;">- การจัดการด้านการอบรมทักษะในด้านการใช้เทคโนโลยีที่ ทันสมัยให้กับพนักงานในองค์กรเพื่อรองรับเทคโนโลยีการจัดการองค์กรของบริษัท ในรูปแบบใหม่เพราะว่าบริษัทประกันชีวิต ABXY ยังไม่มีการจัดการด้านสารสนเทศในองค์กรที่ดีจึงก่อให้เกิดความล่าช้าในการทำ งานและเกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคลขึ้นตลอดจนยังไม่มีการจัดการด้านฐาน ข้อมูลขององค์กรจึงทำให้บริษัทยังไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่ เพิ่มมากขึ้นได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นทางบริษัทประกันชีวิต ABXY จึงต้องคำนึงถึงและปฏิบัติการจัดการในส่วนดังกล่าวอย่างเร่งด่วน</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="font-size:130%;color:#660000;">3. จาก SWOT ของวิทยเขตมุกดาหาร ถ้าหากว่าจะทำเป็นยุทธศาสตร์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาวิทยาเขต มุกดาหารจะทำได้หรือไม่ และยุทธศาสตร์ที่ว่าควรจะเป็นอย่างไร บอกข้อดีที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย</span><br /> <span style="color:#006600;">-หากจะใช้ swot ในการทำกลยุทธ์การใชย้เทคโนโลยีในวิทยาเขตมุกดาหารย่อมทำได้ กลยุทธ์ที่ควรใช้ คือ สามารถให้ ครู นักศึกษา มีการเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งจะมีข้อดี ดังนี้1).จะช่วยให้มหาวิยาลัยประหยัดงบประมาณในการทำข้อสอบออนไลน์ เนื่องจากไม่ต้องใช้กระดาษในการทำข้อสอบ2).สะดวกสบายแก่นักศึกษาและครูผู้สอนเองด้วย3).การสอนผ่านเว็บช่วยประค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้ที่ไม่สะดวกสามารถเรียนได้ และช่วยกระต้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-25852764129848084792010-02-15T01:49:00.000-08:002010-02-15T02:28:49.959-08:00งานชิ้นที่ 9<span style="font-size:130%;color:#660000;">1.กรณีศึกษาเรื่องฟาร์มโชคชัย(วิจารย์ว่าเป็นกลยุทธ์สีครามในแง่ไหน)</span><br /><span style="color:#006600;"><span style="font-size:130%;">ตอบ</span> กลยุทธ์ สีครามเป็นกลยุทธุ์ในการแสวงหาตลาดใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ จะมีแนวคิดที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ กระตุ้นความเป็นผู้นำ โดยนำเสนอสินค้าและบริการแปลกใหม่ต่างไปจากเดิม เพื่อทำให้เกิดความต้องการใหม่ๆและนำไปสู่การสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ขึ้นด้วย น่านน้ำสีครามจะประกอบไปด้วยกลยุทธุ์ที่สำคัญ 3 ประการ คือ</span><br /><span style="color:#006600;"> 1.มีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าคู่แข่ง</span><br /><span style="color:#006600;">2.สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ</span><br /><span style="color:#006600;">3.ให้ความสำคัญกับต้นทุนหรือความแตกต่างจากกรณีศึกษาเรื่องฟาร์มโชคชัย </span><br /><span style="color:#006600;">ซึ่งแต่ก่อนเคยทำธุรกิจปศุสัตว์และกสิกรรม และหันมาเลี้ยงโคนมเพื่อผลิตนม สร้างรายได้เพิ่มในชื่อ นมสดตราฟาร์มโชคชัย ซึ่งต่อมาได้เผชิญกับวิกฤตทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก จากวิกฤตนี้ทำให้ฟาร์มโชคชัยหันมาใช้กลยุทธุ์น่านน้ำสีครามในการสร้างกอบกู้ ธุรกิจให้อยู่รอด โดยการลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด หลังจากสามารถกอบกู้ธุรกิจได้ ทางฟาร์มก็หันไปทำธุรกิจเชิงนิเวศน์เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยมองผ่านเลยการแข่งในธุรกิจอาหารและธุรกิจปศุสัตว์กสิกรรมไป เพราะเห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่กลุ่มที่บริโภคเนื้อวัวหรือเนื้อโค ต่อให้ลด แลก แจก แถมแค่ใหนเขาก็ไม่ยอมจ่าย สิ่งที่ทำธุรกิจของฟาร์มโชคชัยสามารถอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปรับใช้กลยุทธุ์สีครามเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ดังนั้นฟาร์มโชคชัยใช้กลยุทธ์สีครามในแง่สร้างความแตกต่างในสินค้าและบริการ </span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="font-size:130%;color:#660000;"><strong>2.ให้วิจารย์ว่าโครงการระบบการจัดการร้านอาหารผ่านคอมพิวเตอร์มือถือ ว่าดีหรือไม่ ถ้าดี,ดีในแง่ไหน ถ้าไม่ดี, มีอะไรที่ควรจะเสริมควรจะเพิ่มเติมบ้าง</strong></span><br /><span style="color:#006600;"><strong>ตอบ</strong> ดี เพราะว่าในปัจจุบันการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็น เวลาเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่ใช้เวลาในการจัดการน้อยย่อมได้เปรียบคู่แข่ง การที่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการร้านอาหาร ทำให้ใช้เวลาน้อยลงและแม่นยำในการจัดการร้านอาหาร ส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจบริการ ส่งผลให้ยอดบริการสูงขึ้น</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-18453507614037191682010-02-09T07:49:00.000-08:002010-02-09T07:57:43.518-08:00งานชิ้นที่ 8<span style="font-size:130%;color:#660000;">1.ท่านคิดว่าจะใช้ Joomla ในการพัฒนาระบบสารสนเทศประเภทใด ที่สอดคล้องกับสถานการณ์หรือสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน</span><br /><span style="color:#006600;">-การใช้ Joomla ในการพัฒนาระบบสารสนเทสเพื่อที่จะให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันของไทย เนื่องจาก Joomla เป็น Open sourceการใช้ง่ายจึงมีความง่ายสะดวกสบาย และที่สำคัญมีความสวยงามและทันสมัยด้วย จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ในการเผยแพร่ธุรกิจทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การโฆษณาสิ้นค้าและบริการต่าง และยังรวมไปถึงธุรกิจทางการท่องเที่ยว และอีกมามาย เนื่องจาก Joomla มีข้อดีมากมายจึงมีความเหมาะสมทางด้านธุรกิจออนไลน์ ที่สะดวกและง่ายแม้นั่งอยู่ที่บ้านก็สามารถพบกับสินค้าและบริการต่างๆไม่ต่างจากการไปเดินห้าง ทำให้เราประหยัดไปอีกทาง</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#660000;">2. ถ้าหากท่านเป็นผู้บริหารของบริษัทหรือองค์กรใด ท่านจะมีนโยบายหรือกลยุทธ์อย่างไร ให้มีการใช้งาน Joomla ให้เกิดประโยชน์และเกิดผลดีต่อองค์กร</span><br /></span><span style="color:#006600;">-มีการอบรมJoomlaให้กับพนักงานที่มีหน้าที่ออกแบบเว็บไซต์ ให้เขาได้รู้ข้อดี-ข้อเสียของJoomla เพื่อนำ Joomla มา ใช้ในการสร้างและออกแบบเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจของ องค์กร จะส่งผลดีต่อบริษัทหรือองค์กรคือประหยัดเงินขององค์กร และไม่มีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เป็นปัญหามาโดยตลอด</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="font-size:130%;color:#990000;">3. ท่านคิดว่า Joomla เป็นทางเหลือที่ดีหรือยัง จะมีข้อพัฒนาเพิ่มเติมในด้านใดบ้าง พร้อมให้เหตุผลีต่อองค์กรใด ท่านจะมีนโยบายหรือกลยุทธ์อย่างไร ให้มีการใช้งาน ผนแม่บทด้าน ปดูที่รายละเอียดที่เป็นนโยบาย</span><br /><span style="color:#006600;">- การใช้ Joomla เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยในการสร้างหรือพัฒนาเว็บไซต์ โดยที่ผู้ใช้งานนั้นไม่ต้องมีความรู้เรื่อง code หรือ ฐานข้อมูลก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ ส่วนตัวแล้วดิฉันคิดว่า Joomla เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวที่จะลองใช้กับองค์ต่างๆ และหากต้องการให้เว็บของตัวเองมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองควรสร้าง logo ที่เป็นของตัวเองและให้เด่นเพื่อแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-14199943415772003572010-02-02T16:51:00.001-08:002010-02-02T16:55:57.403-08:00งานชิ้นที่ 7<span style="font-size:130%;color:#990000;"><strong><span style="color:#990000;">ถ้าหากเราจะใช้ ICT ในการส่งเสริมการเรียนภาษาอังกฤษจะมีวิธีการกลยุทธ์ โครงการอย่างไร และท่านคิดอย่างไรว่ากลยุทธ์ โครงการดังกล่าวที่ท่านเสนอจะเหมาะสมกับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ทั้งนี้ ให้ระบบขั้นตอนวิธีการที่จะได้มาซึ่งกลยุทธ์และโครงการที่ท่านนำเสนอ</span>
<br /></strong><span style="color:#006600;"><span style="font-size:100%;">-การใช้ ICT ในการส่งเสริงการเรียนภาษาอังกฤษจะต้องดูกลุ่มเป้าหมายในการสร้างและใช้กลยุทธ์ด้วยเนื่องจากความสามารถในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ อาจมีไม่เท่ากัน ต้องทำการสำรวจความต้องการและความสนใจเรื่องใดมากที่สุดจากนั้น ในการเรียนภาษาอังกฤษก็นำเรื่องที่นักศึกษาสนใจนั้นมาทำให้เกี่ยวข้องกับบทเรียนโดย ใช้ ICT มาช่วยในการสอน</span> </span>
<br /><p></p><strong>ถ้าหากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีนโยบายนำ E-book มาใช้ในการเรียนการสอน ท่านคิดว่าจะตอบคำถามต่อไปนี้ได้หรือไม่อย่างไร</strong></span>
<br /></span></strong><strong><span style="font-size:130%;color:#990000;">1. มหาวิทยาลัยควรจะมีกลยุทธ์และวิธีการอย่างไรในการที่จะให้นักศึกษาและอาจารย์ได้รับทราบข้อดีและข้อเสียของการใช้ E-book ในการเรียนการสอน</span></strong>
<br /><span style="color:#006600;">-ควรให้มีการทดลองใช้ในการเรียนการสอนจริง เพื่อให้ได้สัมผัสกับของจริงด้วยตัวเอง จะได้รับรู้ถึงข้อดีและข้อเสียได้ด้วยตัวเอง</span>
<br />
<br /><span style="font-size:130%;color:#990000;"><strong>2. ถ้าหากว่าท่านได้รับการเลือกเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ E-book ท่านคิดว่าจะได้อย่างไรถึงจะสามารถทำให้มียอดขายจำนวนมากที่สุด</strong></span>
<br /><span style="color:#006600;">- เราต้องสร้างกลยุทธ์ ดึงดูดความสนใจจากนักอ่านทั้งหลายก่อน และอธิบายถึงข้อดีทั้งหลายของสินค้าจากนั้นเริ่มโน้มน้าวลูกค้าให้รู้สึกต้องการที่จะได้รับประโยชน์ต่างๆจากสินค้า และอาจมีการจัดทำโปรโมชั่น ต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า</span>
<br /><span style="color:#006600;"></span>
<br />Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-14511190833233944812010-01-12T17:34:00.000-08:002010-01-12T17:39:38.951-08:00งานชิ้นที่ 6<span style="font-size:130%;color:#006600;">1.1 สุริยัน คือ</span><br /><span style="color:#006600;">Suriyan เป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดย SIPA เห็นว่าการที่ประชากรในชาติจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่เป็น ซอฟต์แวร์เชิงพานิชนั้น นอกจากจะสิ้นเปลืองและไม่ปลอดภัยแล้ว เราจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย ทาง SIPA จึงพัฒนาระบบปฏิบัติการ Suriyan ที่เป็นระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สทั้งระบบขึ้นมาให้ใช้งาน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวข้างต้นได้อย่างตรงจุด</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="color:#006600;">ข้อดีของการใช้ Soft Ware สุริยัน</span><br /><span style="color:#006600;">- มีความปลอดภัยจากไวรัสสูง</span><br /><span style="color:#006600;">- ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งาน</span><br /><span style="color:#006600;">- สามารคัดลองและแจกจ่ายได้</span><br /><span style="color:#006600;">- เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นโอเพนซอร์ส ผู้ใช้สามารถพัฒนาต่อเองได้</span><br /><span style="color:#006600;">- มีจำนวนโปรแกรมให้เลือใช้มากกว่า 4000 โปรแกรม</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="color:#006600;"><span style="font-size:130%;">1.2 จันทรา คือChantra</span> เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ผ่านการคัดเลือก และปรับแต่งให้ใช้งานกับภาษาไทยซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองไทย มีโปรแกรมทั้งหมด 33 โปรแกรมประยุกต์ โดยมีโปรแกรมสำหรับการทำงานต่าง ๆ อย่างเพียบพร้อม</span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="color:#006600;">ตัวอย่างโปรแกรม</span><br /><span style="color:#006600;">- OpenOffice เป็นโปรแกรม Office ทั้ง word, datasheet , spreadsheet</span><br /><span style="color:#006600;"> - forefox โปรแกรมท่องอินเตอร์เน็ตคุณภาพสูงที่เปิดให้ใช้กันฟรีๆ</span><br /><span style="color:#006600;">- GIMP โปรแกรมจัดการภาพ เหมือน Photoshop </span><br /><span style="color:#006600;">- และโปรแกรมสำหรับดูหนังฟังเพลง</span><br /><span style="color:#006600;"> - 7zip,Audacity,Blender,Celestia,FileZilla,Firefox,Gimp,Inkscape</span><br /><br /><span style="color:#6600cc;"><span style="font-size:130%;">2. โปรแกรมแอนิเมชั่นที่ SIPA สร้างขึ้น คืออะไร </span><br />สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ SIPA สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (Software Industry Promotion Agency) หรือ SIPA จัดตั้งเมื่อ 24 กันยายน พ.ศ. 2546 มีจุดประสงค์คือ-เป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนและกำหนดนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศ-ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศ-สนับสนุนการค้นคว้าวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี และจัดให้มีกฎระเบียบและมาตรการที่จำเป็นต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรรมซอฟต์แวร์-สนับสนุนให้เกิดการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาด้านซอฟต์แวร์SIPA มีนโยบายในการพัฒนาบุคคลในด้านซอร์ฟแวร์ของไทยและยังสนับสนุน Software ทุกประเภท และยังสนับสนุนองค์กรย่อยต่างในการพัฒนาด้าน Soft ware สิ่งที่เห็นได้ชัดในการทำงานของ Sipa โดยมีการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สมองกลฝังตัว ETSS Institute (Thailand) ร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงนโยบายที่มั่งคงในการพัฒนาประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในระดับโลกในด้าน Soft Ware ได้ส่วน Multimedia & Animation นั้น SIPA ก็มีการจัดฝึกอบรมในภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งเจาะลึกถึงสถานศึกษาและโครงการที่ SIPA จัดทำขึ้น คือการจัดแข่งขันการแข่งขัน Animation ภายใต้ชื่อว่า “SIPA Animation Contest 2009” กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา<br /><br /></span><span style="color:#990000;">3. เว็บเกี่ยวกับการสอนภาอังกฤษ</span><br />1. <a href="http://www.royin.go.th/th/home/index.php" target="_blank">http://www.royin.go.th/th/home/index.php</a> <span style="color:#990000;">สอนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเขียนคำทับศัพท์ อังกฤษ ไปเป็นภาษาไทย ของราชบัณฑิตยสถาน (เข้าไปแล้วคลิกที่ 'การทับศัพท์' ที่คอลัมน์ซ้ายมือ<br /></span>2.<a href="http://iteslj.org/v/th/" target="_blank">http://iteslj.org/v/th/</a> <span style="color:#990000;">เป็นเว็บ “English-Thai Vocabulary Quizzes. Quizzes to Help You Learn and Review Vocabulary” มีการ test ศัพท์ที่น่าสนุกทีเดียว<br /></span>3.<a href="http://www.geocities.com/tathisri/contents.html" target="_blank">http://www.geocities.com/tathisri/contents.html</a> <span style="color:#990000;">เรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์อธิศรี แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ ทั้งการอ่าน การเขียน ไวยากรณ์ คำศัพท์<br /></span>4.<span style="color:#990000;">ครูมณี.คอม</span><a href="http://www.krumanee.com/" target="_blank">http://www.krumanee.com/</a><br />5.<a href="http://www.navy.mi.th/dockyard/knowledge.htm" target="_blank">http://www.navy.mi.th/dockyard/knowledge.htm</a><span style="color:#990000;">การออกเสียงภาษาอังกฤษ โดย พล.ร.อ.ชุมศักดิ์ มัธยมจันทร์</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-67681394880411454612010-01-05T09:17:00.001-08:002010-01-05T11:48:47.952-08:00งานชิ้นที่ 5<span style="color:#ff0000;">1. Klowledge is knowing a fact.Wisdom is knowing what to do with that fact.So,please explain how to differ anong Klowledge, Wisdom and Vision.</span><br /><span style="color:#ff0000;">knowledge (องค์ความรู้)</span><span style="color:#003300;">คือ สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิดเปรียบเทียบเชื่อมโยงกับ<br />ความรู้อื่น จนเกิดความเข้าใจและนำไปใช้ ประโยชน์ในการสรุปและตัดสินใจใน<br />สถานการณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่จำกัดช่วงเวลา หรือเป็นสารสนเทศที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับ<br />เรา ในการนำไปใช้งาน</span><br /><br /><span style="color:#ff0000;">Wisdom (ปัญญา ) คือ</span> <span style="color:#ff6600;">ความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน ก่อให้เกิดประโยชน์ ในการนำไปใช้ คือหลักการพื้นฐานที่ทำให้เข้าใจรูปแบบและตัวแบบต่างๆปัญญาจะพาไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน การเรียนรู้จึงต้องเริ่มจากการเก็บข้อมูล เชื่อมโยงให้เป็นข่าวสาร และก่อให้เกิดความรู้ที่มีรายละเอียด แล้วจึงสังเคราะห์ให้เกิดเป็นปัญญา</span><br /><br /><span style="color:#ff0000;">Vision (วิสัยทัศน์) คือ</span> <span style="color:#cc33cc;">ภาพกว้างๆซึ่งผู้นำในหน่วยงานปรารถนาให้องค์การไปสู่สิ่งที่อยากเป็น เป็นแนวคิดหรือมุมมองใหม่เกี่ยวกับสถานภาพองค์การที่พึงปรารถนาในอนาคตซึ่งสามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจทั่วทั้งองค์การ</span><br /><br />2.please go to <a href="http://msrivirat.blogspot.com/2009/10/blog-post.html." target="_blank">http://msrivirat.blogspot.com/2009/10/blog-post.html.</a> After reading, please express what is the strategy of entrepreneur.<br /><span style="color:#cc0000;">หลังจากอ่านเรื่อง </span><a href="http://msrivirat.blogspot.com/2009/10/blog-post.html"><span style="color:#006600;">ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลง</span></a><br /><span style="color:#000099;">กลยุทธ์ของผู้ประกอบการ คือ <strong>การปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ในปัจจุบัน</strong> นั่นก็คือการบูรณาการหลายๆด้านเข้าด้วยกัน ทั้งการจัดสินค้าการขายสินค้าหลายๆอย่างในที่ที่เดียว การหยิบจับสินค้าได้สะดวกมากขึ้นสามารถเลือกสินค้าได้ตามต้องการกลยุทธ์ที่ใช้ในการค้าขายคือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด ด้วยระบบการจัดการที่ดี</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-39763167242327892742009-12-10T22:43:00.000-08:002009-12-11T00:03:29.770-08:00งานชิ้นที่ 4<strong>Please explain what is <span style="color:#ff0000;">the Red Ocean,<br />the Blue Ocean and the White Ocean strategy?</span><br />I'll not able to be teaching on Wed 9 December because..<br />Have to meet the Mukdahan governers on Dec9.<br />Also,please express some <span style="color:#ff0000;">examples about the Red,<br />Blue and White Ocean strategy.<br /></span>See you on Dec 16 </strong><br /><strong></strong><br /><ul><li><span style="color:#ff0000;">“<strong>Red Ocean Strategy</strong> กลยุทธ์น่านน้ำสีเลือด”</span> <span style="color:#ff6666;">เป็นหนทางหนึ่งที่เคยช่วยให้หลายธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ในความสำเร็จนั้นกลับก่อให้เกิดความรุนแรงในแวดวงธุรกิจการตลาด เพราะด้วยวิถีทางแห่งกลยุทธ์น่านน้ำสีเลือดแล้ว การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความเป็น “เบอร์หนึ่ง” ทางธุรกิจถือเป็นจุดประสงค์หลักของกลยุทธ์นี้ แต่การมุ่งเอาชนะคู่แข่ง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่าโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดแล้ว ยังมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บทางธุรกิจด้วยกันทุกฝ่าย เพราะเหตุนี้จึงมีผู้เปรียบเทียบการแข่งขันด้วยกลยุทธ์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” แบบนี้ว่า ไม่ต่างไปจาก “น่านน้ำสีเลือด” (Red Ocean) สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อรบรากันหนักข้อ ต่างฝ่ายทุ่มกำลังเข้าห้ำหั่น ท้องทะเลจะเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน </span></li></ul><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ff0000;"><strong>ตัวอย่าง</strong> Red Ocean Strategy</span></span><span style="color:#ff6666;"><strong> </strong>เช่น การแข่งขันของยักษ์น้ำอัดลม โค๊ก-เป๊ปซี่ ในตลาดน้ำดำ ซึ่งหาความแตกต่างกันแทบไม่เจอ การแข่งขันในตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ ระหว่าง โซนี่-พานาโซนิค-ซัมซุง-แอลจี ที่ไม่มีใครโดดเด่นด้านนวัตกรรมไปกว่ากัน การแข่งขันในตลาดบะหมี่สำเร็จรูป ผงซักฟอก แชมพู รถยนต์ และอีกมากมาย ที่วนไปวนมา กับกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม<br /></span><br /><ul><li><span style="color:#000066;">“<strong>Blue Ocean Strategy</strong> กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม” </span><span style="color:#3366ff;">เป็นแนวทางดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นตามมา เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางการตลาดแบบเดิม กลยุทธ์น่านน้ำสีครามจะไม่แข่งขัน ผลิตสินค้ารูปแบบเดียวกันป้อนสู่ตลาด ไม่เอาชนะกันด้วยสินค้าลอกเลียนแบบ แต่จะเลือกพัฒนาสินค้าของตนให้แหวกแนวไปจากที่มีอยู่ เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช้ “นวัตกรรมใหม่” และ “ความต่าง” เป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์นี้เคยสร้างยอดขายถล่มทลายมาแล้วในสินค้าหลายชนิด<br />แต่กลยุทธ์น่านน้ำสีครามก็ทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจต้องเหนื่อยกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อวิ่งหนีคู่แข่ง ซึ่งนั่นคือการหนีที่ไม่มีวันสิ้นสุด</span></li></ul><span style="color:#3333ff;"></span><br /><span style="color:#cc0000;">ตัวอย่าง</span><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#000066;">Blue Ocean Strategy </span></span><span style="color:#000099;"><span style="color:#3366ff;">เช่น "บิวเกตต์" ที่สามารถคิดสร้างบริษัทซอฟต์แวร์ขึ้นมา ในขณะที่ชาวโลกยังไม่มีใครรู้จักซอฟ์ตแว์ร์แม้แต่สักคนเดียว จนในที่สุดเขาคือหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังระดับโลก</span><br /></span><ul><li><br /><span style="color:#003300;"><span style="color:#ff6600;">“<strong>White Ocean Strategy</strong> กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว”</span>การกำหนดพื้นฐานการบริหารองค์กร แบบองค์รวม ครอบคลุมตั้งแต่วิสัยทัศน์ นโยบาย พันธกิจ กลยุทธ์การดำเนินงาน ไปจนถึงแนวทางในการปฏิบัติทุกภาคส่วนขององค์กร ตั้งแต่การบริหารงานบุคคล การตลาดและการขาย การปฏิบัติการ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยคำนึงถึงภาพกว้างของ People, Planet, Profit และ Passion เป็นแรงขับเคลื่อนในการบริหารงานทุกภาคส่วน ตั้งแต่พันธกิจ วิสัยทัศน์ นโยบาย การผลิต การบริหาร การตลาด การสื่อสาร การบริหารงานบุคคล ฯลฯ นับจากวันก่อเกิดองค์กร</span> </li></ul><br /><span style="color:#ff0000;"><strong>ตัวอย่าง</strong></span><span style="color:#003300;">White Ocean Strategy<strong> </strong>เช่น เครือซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) กำหนดวิสัยทัศน์ว่าในปี 2558 จะต้องเป็นผู้นำในภูมิภาค ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า อย่างยั่งยืนให้แก่อาเซียน และชุมชนที่เข้าไปดำเนินงาน การก้าวสู่ความยั่งยืน (Sustainable Development) จะครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบบรรษัทภิบาลที่ดี</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-90978288479700551342009-12-01T16:40:00.000-08:002009-12-01T17:15:10.349-08:00งานชิ้นที่ 3<span style="font-size:85%;"><span style="color:#660000;"><span style="font-size:130%;">Swot analysis คือ อะไร ท่านคิดว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง พร้อม ยกตัวอย่าง (กรุณาตอบใน Blog ของท่าน)</span> </span></span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;"> SWOT Analysis เป็นการวิเคราะห์สภาพองค์การ หรือหน่วยงานในปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง จุดเด่น จุดด้อย หรือสิ่งที่อาจเป็นปัญหาสำคัญในการดำเนินงานสู่สภาพที่ต้องการในอนาคต
<br /> SWOT เป็นตัวย่อที่มีความหมายดังนี้ </span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;">Strengths - จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบ </span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;">Weaknesses - จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบ </span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;">Opportunities - โอกาสที่จะดำเนินการได้ </span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;">Threats - อุปสรรค ข้อจำกัด หรือปัจจัยที่คุกคามการดำเนินงานขององค์การ </span>
<br /><span style="font-size:85%;color:#660000;"> หลักการสำคัญของ SWOT ก็คือการวิเคราะห์โดยการสำรวจจากสภาพการณ์ 2 ด้าน คือ สภาพการณ์ภายในและสภาพการณ์ภายนอก ดังนั้นการวิเคราะห์ SWOT จึงเรียกได้ว่าเป็นการวิเคราะห์สภาพการณ์ (Situation Analysis) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อให้รู้ตนเอง (รู้เรา) รู้จักสภาพแวดล้อม (รู้เขา) ชัดเจน และวิเคราะห์โอกาส-อุปสรรค การวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารขององค์กรทราบถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายนอกองค์กร ทั้งสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมทั้งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่มีต่อองค์กรธุรกิจ และจุดแข็ง จุดอ่อน และความสามารถด้านต่าง ๆ ที่องค์กรมีอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการกำหนดวิสัยทัศน์ การกำหนดกลยุทธ์และการดำเนินตามกลยุทธ์ขององค์กรระดับองค์กรที่เหมาะสมต่อไป </span>
<br /><span style="font-size:85%;">
<br /><span style="color:#660000;"><span style="font-size:100%;">ประโยชน์ของการวิเคราะห์ SWOT</span> </span>
<br /><span style="color:#660000;"> การวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้เรากำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดกลยุทธ์ เพื่อให้องค์กรนั้นๆ เกิดการพัฒนาได้ในทางที่เหมาะสม
<br />ตัวอย่าง การวิเคราะห์ SWOT การทำธุรกิจขายของในเวป</span>
<br /><span style="color:#660000;">Strengths - ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย</span>
<br /><span style="color:#660000;"> Weaknesses - อาจขาดความน่าเชื่อถือเพราะเป็นธุรกิจออนไลน์</span>
<br /><span style="color:#660000;">Opportunities - ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ,ยุคสมัย </span>
<br /><span style="color:#660000;">Threats - กฎหมายในปัจจุบันกับการทำธุรกิจ ecommerce </span>
<br /><span style="color:#660000;"></span>
<br /><span style="font-size:130%;color:#660000;">กิจกรรมช้าง ท่านมีกลยุทย์ในการทำอย่างไร จงบอกขั้นตอน พร้อมอธิบายว่าท่านจะประยุกต์ดังกล่าว กับเรื่องอะไร เพราะเหตุใด (ตอบใน Blog ของท่าน)</span>
<br /><span style="color:#660000;"><span style="font-size:100%;">ขั้นตอน</span> </span>
<br /><span style="color:#660000;">1.ประชุมกันในกลุ่มเพื่อหาวิธีที่จะนำวัสดุ ที่ได้มาไปใช้อย่างไร</span>
<br /><span style="color:#660000;">2.วางแผน</span>
<br /><span style="color:#660000;">3.ลงมือปฏิบัติ</span>
<br /><span style="color:#660000;">4.เมื่อทำช้างเสร็จแล้วก็ทำการตกแต่งเล็กน้อยให้เหมือนช้าง</span>
<br />
<br /><span style="color:#660000;"> จากกิจกรรมนี้จะประยุกต์กับเรื่อง การใช้ชีวิตในประจำวันเพราะจะใช้ในการแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วน หรืออาจใช้ในเวลาทำงานต่างๆ เพื่อจะได้ช่วยให้งานเหล่านั้น บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
<br /></span> </span>
<br /></span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-26707326801636741232009-11-24T18:17:00.000-08:002009-11-24T19:04:56.546-08:00งานที่ 2<span style="font-size:130%;color:#660000;">1. อ่านบทความ เรื่อง เรื่องการประยุกต์ใช้เครือข่ายสังคมคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน แล้วมีความคิดเห็นดังนี้</span><br /> <span style="color:#006600;">การนำเครือข่ายสังคมคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้น มีประโยชน์อย่างมากเพราะ<br />1.ทำให้มีความสะดวกรวดเร็วในระหว่างการติดต่อสื่อสารกันระหว่างอาจารย์ผู้สอนกับนักศึกษา<br /></span><span style="color:#006600;">2.ลดปริมาณเอกสาร (กระดาษ) ที่ต้องใช้ในระหว่างการเรียนการสอนได้มาก<br />3. เป็นเครื่องมือจัดการเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ </span><br /><span style="color:#006600;">4.เป็นเครื่องมือสื่อสารประชาสัมพันธ์ด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ที่จะสามารถสื่อสารถึงผู้รับได้เร็วขึ้น ทำให้ระยะเวลาในการส่งสารน้อยลง</span><br /><span style="color:#006600;">5.ทำให้เป็นการประหยัดงบประมาณของมหาวิทยาลัยด้วย</span><br /><br /><span style="font-size:130%;color:#990000;">2.อ่านแผนแม่บทฉบับที่ 2 ที่ประกาศ พ.ศ. 2512-2516 แล้วให้เขียนเสนอโครงการว่าจะทำโครงการอะไรให้สอดคล้องกับแปน ICT ดังกล่าว</span><br /> <span style="color:#009900;">โครงการที่นำเสนอคือ โครงการ ICT กว้างไกลประเทคไทยก้าวหน้า</span><br /> <br /> <span style="color:#009900;">โครงการนี้ จะเป็นการขยายโอกาศให้แก่ชนบทที่ห่างไกล ให้มีความก้าวหน้าทันตามเทคโนโลยี ให้มีการเปิดใช้งานระบบอินเตอร์เนท เพื่อให้ผู้คนในชนบทที่ห่างไกลได้รู้จักโลกที่กว้างไกลได้เรียนรู้และได้รับข้อมูลข่าวสารทันตามเหตุการณ์ เพื่อจะได้เกิดการเรียนรู้ที่กว้างขวางมากขึ้นกว่าเรียนในห้องเรียนปกติ</span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-29621874571101407882009-11-15T04:46:00.000-08:002009-11-16T20:07:53.991-08:00งานชิ้นที่ 1<span style="color:#009900;">1.ให้นักศึกษาวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย(จุดควรพัฒนา)ด้าน ICT ของ ม.อุบลฯพร้อมเสนอข้อแนะนำด้าน ICT<br /><br /></span><span style="color:#cc0000;"><strong>จุดเด่น</strong></span><br /><span style="color:#6633ff;">1.ระบบลงทะเบียนใช้งานง่าย<br />2.มีระบบเครือข่ายภายในพื้นที่สถานศึกษา<br />3.มีระบบการสอนแบบ E-learning ทำให้ทบทวนเนื้อหาและส่งงานได้สะดวก<br />4.สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆผ่านเว็บและซิมของมหาวิทยาลัยได้<br />5.ระบบมีความประสิทธิภาพสูงรองรับกับกับนักศึกษาจำนวนมาก<br />6.มีการส่งเสริมและให้ความรู้แก่นักศึกษาด้าน ICT อยู่เรื่อยๆ ทำให้นักศึกษามีความรู้ใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ<br />7.มีศูนย์บริการเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาลัย<br />8.มีเครื่องมือการเรียนการสอนที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ เป็นต้น<br />9.มีอาจารย์คอยให้คำปรึกษา ที่มีความรู้ความสามรถทางด้าน ICT สูง<br />10.ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็ว</span><br /><br /><br /><br /><strong><span style="color:#cc0000;">จุดด้อย</span></strong><br /><span style="color:#6633ff;">1.ระบบลงทะเบียนออนไลน์เมื่อมีการผิดพลาดแล้วจะติดต่อแก้ไขข้อมูลอยากมาก<br />2.อยากให้การใช้งาน internetที่เร็วขึ้น<br />3.การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษาสามารถเข้าถึงได้หลายทางทำให้ข้อมมูลไม่มีความปลอกภัย<br />4.อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์มีเครื่องที่ชำรุดอยู่หลายเครื่องควรมีการดูแลให้เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ยังมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน<br />5.การติดต่อแบบไร้สาย ( Wireless)ไม่ครอบคลุมพื้นที่ทำให้ไม่สะดวกแก่การติดต่อ<br />6.ระบบของ มหาลัยยังไม่ค่อยสมบูรณ์<br />7.ระบบ reg มักมีปัญหาเวลาลงทะเบียน เข้าถึงข้อมูลได้ช้า error บ่อยด้วย<br />8.ระบบ reg ที่ใช้ในการลงทะเบียนปิดให้ลงทะเบียนเร็วเกินไปทั้งๆที่ยังอยู่ในช่วงการเพิ่มและการถอนอยู่<br />9.ซอฟแวร์ส่วนมากที่ใช้ในการสอนมักเป็นซอฟแวร์ที่มีลิขสิทธ์<br />10.มหาวิทยาลัยยังจำกัดความเร็วระบบอินเทอร์เน็ตในบางแห่ง<br /><br /><br /></span><strong><span style="color:#cc0000;">ข้อแนะนำด้าน ICT</span></strong><br /><span style="color:#6600cc;">1.ควรเพิ่มจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอต่อความต้องการของนักศึกษา<br />2.ควรปรับปรุงซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ที่ชำรุด หรืออุปกรณ์ต่างๆ<br />3.ควรนำใช้ซอฟแวร์ที่ถูกลิขสิทธ์ในการเรียนการสอน<br />4.เพิ่มฐานข้อมูลในการรองรับข้อมูลของระบบ Reg<br />5.เพิ่มระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล<br />6.ขยายช่องทางการเข้าใช้งานระบบในเวลาเดียวกันให้สามารถใช้งานได้หลาย User มากขึ้น<br />7.เพิ่มประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์<br />8.น่าจะเพิ่มระยะเวลาการเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ในสำนักคอมพิวเตอร์ให้นานกว่านี้<br />9.ควรจัดตั้งบุคคลากรมาดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์<br />10.เพิ่มระบบที่สามารถตรวจสอบการเข้าใช้งานระบบ เพื่อตรวจสอบการใช้งานของบุคคลผู้นั้น<br /></span><br /><span style="color:#009900;"><strong>2.กลยุทธ์ หรือ Strategic</strong> คือ<br /></span><span style="color:#6633ff;">กลยุทธ์ หรือ Strategic คือ การวางแผนรวมหรือแผนทั้งหมดสำหรับอนาคตขององค์กร ซึ่งมีรูปแบบความต่อเนื่องและเป็นกระบวนที่ดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งโดยผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม </span>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-60379772866857161402009-07-19T21:43:00.000-07:002009-07-19T21:45:54.191-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1roXB8fuZjRInwC_aZcNPV7cQYTXs4LkUm2sFvqHxBm8f2UkMrHZbntdhMEA6NbRXt2z5JXTf4BGVdxS46yz0MAop9UX1cbeFasiXGz9C6YyV4JtqijqcoVypCSmH2l5eK7hCPUToClJV/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360398925841558050" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 85px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1roXB8fuZjRInwC_aZcNPV7cQYTXs4LkUm2sFvqHxBm8f2UkMrHZbntdhMEA6NbRXt2z5JXTf4BGVdxS46yz0MAop9UX1cbeFasiXGz9C6YyV4JtqijqcoVypCSmH2l5eK7hCPUToClJV/s320/images.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#33cc00;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#33cc00;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#33cc00;"><strong>ตอนที่ 26</strong></span></div><br /><div><span style="color:#33cc00;"></span></div><br /><div><span style="color:#33cc00;">ที่คอนโดของพินิจนัย หลังจากที่กลับมาจากงาน ก็นั่งดื่มเหล้าอย่างหนักคนเดียว พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาและศรารันพูดกัน<br />“ คุณเป็นเพื่อนกับเพลิงเพชร ผู้หญิงที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิต”<br />“ ที่คุณเกลียดเพชร เพราะว่าเขาแย่งคนที่คุณรักไป ใช่มั้ย! แม้กระทั่งตอนนี้ คุณเองก็ยังรักนายรติอยู่”<br />“ ถ้าไม่มียัยนั่น! ป่านนี้ฉันคงมีความสุขกับพี่รติไปแล้ว”<br /><br />พินิจนัยโมโหปาแก้วเหล้าลงพื้น<br />“ ศรา! คุณยังรักนายนั่นอยู่หรือเปล่า คุณไม่เคยมีผมอยู่ในหัวใจเลยใช่มั้ย” เขาเจ็บปวดมาก ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยคิดจะรักใครด้วยซ้ำ แต่เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้จักคำนี้<br />ทันใดนั้น มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาไม่อยากจะรับมันเลย แต่เมื่อเห็นชื่อคนโทรมาก็ยอมรับสาย<br />“ มีอะไรเหรอเพชร”<br />มีเสียงร้องไห้ของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ<br />“ เพชร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”<br />“ นัย …… คือเพชร….มีเรื่องอยากจะพูดกับนัย” เธอยังคงร้องไห้<br />“ เรื่องอะไร” พินิจนัยสงสัย<br />“ เกี่ยวกับศรารันและก็คุณรติ” เท่านั้นแหล่ะ ยิ่งทำให้พินิจนัยอยากรู้<br />“ สองคนนั้นทำไม!” ถ้าพินิจนัยได้เห็นหน้าของเพลิงเพชรตอนนี้ คงจะเห็นว่าเธอลอบยิ้มอยู่ แต่ทำเป็นเสียงเศร้า<br />“พูดทางนี้ คงไม่สะดวก เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราพบกันได้มั้ย” เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยก็วางสายไป<br /><br />เพลิงเพชรหัวเราะออกมา ชิดจันทร์มองหน้าเพื่อนของเธอ สองสาวอยู่ในห้องนอนของคอนโดชิดจันทร์<br />“ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเรื่องนี้จะมีนัย มาเกี่ยวข้องด้วย” ชิดจันทร์พูด<br />“ ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับนังศรา!” เมื่อพูดถึงชื่อศรารัน แววตาของเธอมีแต่แววเกลียดชัง<br />“ แล้วแกจะทำยังงัย” ชิดจันทร์ถาม<br />“ ฉันต้องการให้นัย เกลียดมัน เหมือนที่ฉันเกลียด และฉันจะต้องเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารในสายตา ของเขา”<br />“ แก จะทำคล้ายๆกับตอนที่แย่งคุณรติมาจากยัยศรา งั้นเหรอ”<br />“ ใช่! แต่มันต่างตรงที่ว่า…….” เพลิงเพชรยังพูดไม่ทันจบ ชิดจันทร์ก็แทรกขึ้น<br />“ กับคุณรติ แกแย่งเขามาโดยที่แกไม่ได้รักเขาเลย ส่วนนัย แกรักเขา แล้วก็รักมาก! จนไม่อยากให้ใครได้นัยไป ฉันพูดถูกมั้ย”<br />เพลิงเพชรมองหน้าชิดจันทร์<br />“ เก่งมาก ยัยพลอย สมกับเป็นเพื่อนรักของฉัน!”<br />“แล้วแก คิดว่านัย รู้สึกอย่างไรกับยัยศรา เพราะที่แกเล่าให้ฉันฟัง ว่าตลอดเวลาที่แม่นั่น หายไป ก็ไปรู้จักกับนัย” ตรงนี้แหละที่เพลิงเพชรกลัวที่สุด<br />“ ไม่ว่าอย่างงัยก็ตาม ฉันไม่มีวันยอมให้นัยรักแม่นั่นหรอก!” เพลิงเพชรพูดอย่างจริงจัง<br />“ แล้วคุณรติล่ะ แกจะทำยังงัย” ชิดจันมร์ถาม<br />“ เขาหมดประโยชน์แล้วล่ะ ยัยศราไม่ได้รักเขาแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะบอกเลิกเขา ก่อนที่จะไปพบกับนัย”<br />…………………………………<br />ช่วงพักเที่ยง เพลิงเพชรออกมาทานข้าวกับรติ ที่ใบหน้าของเขาตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย เพลิงเพชรสังเกตเห็นตั้งแต่หลังเลิกงานเลี้ยงเมื่อวาน ตอนที่มาส่งเธอที่คอนโด เขาแทบไม่พูดอะไรเลย มองเธออย่างห่างเหิน<br />“ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพลิงเพชรสงสัย<br />“เปล่า” เขาตอบสั้นๆ เพลิงเพชรแอบทำหน้าเบื่อหน่าย<br />“ เพชรมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณค่ะ” รติยังคงนิ่ง เพลิงเพชรพูดต่อ<br />“ เพชรว่า เราไม่เหมาะสมกันหรอกค่ะ ตลอดเวลาที่เพชรคบกับคุณ เพชรรู้สึกผิดตลอด ที่เป็นต้นเหตุให้ น้องศราต้องเจ็บปวด รวมถึงคุณพ่อที่ต้องมา ผิดหวังในตัวเพชร ทางที่ดี เราสองคนเลิกคบกันเถอะค่ะ แล้วมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” เพลิงเพชรตีหน้าเศร้า รติมองหน้าเธอนิ่งๆ ถ้าเขาไม่ได้ยินเธอพูดกับศรารันเมื่อคืน เขาคงจะเชื่อเธอสนิท ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ!<br />“ ผมว่าคุณ มาสำนึกช้าเกินไปหน่อยมั้ง! ถ้าคุณคิดว่าเราไม่เหมาะสมกันตั้งแต่แรก คุณก็ไม่ควรโผล่ไปที่งานแต่งงานของผมกับศรา ผมรู้ว่ว่าผมมันโง่! เป็นผู้ชายที่โลเล มันจึงกลายเป็นเครื่องมือ ให้คุณทำร้ายจิตใจของศรา ทำร้ายความรู้สึกคุณพ่อของคุณ!” รติพูดอย่างเหลืออด<br />เพลิงเพชรตกใจที่รติรู้ทันเธอ<br />“ คุณ! พูดเรื่องอะไรของคุณ ศราฟ้องคุณงั้นเหรอ”<br />“ หยุดเล่นละคร เสแสร้งสักที ผมไม่ยอมหลงกลคุณอีกแล้ว ผู้หญิงร้ายกาจอย่างคุณ ผมแทบไม่อยากจะเห็นหน้าคุณอีก” รติพูดแค่นั้นก็ลุกออกจากร้านไป เพลิงเพชรรู้สึกเสียหน้าและเจ็บใจ<br /><br />………………………..<br />ช่วงเย็นพินิจนัยมานั่งรอเพลิงเพชร ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สักพักหญิงสาวก็เดินเข้ามา พร้อมใบหน้าที่เศร้า<br />“ รอนานมั้ย นัย” เพลิงเพชรทัก<br />“ ไม่นานหรอก สั่งอาหารก่อนสิ” เมื่อสั่งอาหารเสร็จ พินิจนัยก็เริ่มพูด<br />“ เพชรมีอะไรที่อยากจะบอกนัยหรือเปล่า”<br />เพลิงเพชรตีหน้าเศร้า<br />“เพชรมีเรื่องอยากจะบอกนัย คือ จริงๆแล้ว เพชรเป็นพี่สาวต่างแม่ของศรา เพชรเองก็รู้ เมื่อไม่นานนี้เอง จากลุงภาค พ่อของเพชรไม่เคยอยากให้เพชรเกิดมาเลย เขาทิ้งแม่ของเพชรไปแต่งงานกับแม่ของศรา สร้างความเจ็บช้ำให้กับแม่ของเพชรมาก นัยรู้มั้ย ว่าตั้งแต่เพชรจำความได้ เพชรไม่เคยเห็นแม่ยิ้มเลย จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตท่าน” น้ำตาของเพลิงเพชรเริ่มไหล พินิจนัยรู้สึกเห็นใจ<br />“ แล้วเรื่องคุณรติ ทำไมเขาถึงกลายมาเป็นแฟนเพชรล่ะ เท่าที่นัยทราบ เขาเป็นคนรักของศรา”<br />เขาไม่อยากจะพูดประโยคนี้เลย<br />“ ความจริงแล้ว เพชรกับคุณรติ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันหรอกค่ะ แต่ที่เราต้องบอกใครๆว่าเราเป็นแฟนกัน เพียงเพราะว่า ตอนนั้นคุณรติไม่แน่ใจในตัวศรา เขาทนพฤติกรรมที่เอาแต่ใจ<br />ของศราไม่ได้ นัยรู้มั้ย ว่าตลอดเวลาที่เพชรเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับศรา เพชรอึดอัดใจมาก ศราคอยแต่พูดจาเหน็บแนมเพชรตลอด จนเพชรทนไม่ได้ต้องไปอยู่กับพลอย ตอนนั้นคุณรติก็เอือมระอากับนิสัยของศรา เพราะเธอชอบตามหึงหวงคุณรติกับเพชร คุณรติจึงอยากจะปลีกตัวออกจากศรา ด้วยการแกล้งคบกับเพชร……………แต่ ตอนนี้” เพลิงเพชรเว้นพูด<br />“ ทำไม” พินิจนัยถาม<br />“ คุณรติรู้ว่าศรา ยังรักเขาอยู่ และรักเขามาก เขาจึงคิดอยากจะกลับไปคบกับศราอีกครั้ง ” เพลิงเพชรแกล้งเน้นพูด ตอนนี้แววตาของพินิจนัยมีความไม่พอใจ<br />“ แต่ที่เพชรเครียดและไม่สบายใจ คือเพชรกลัวว่านัยจะมองเพชรเป็นคนไม่ดี แย่งคนรักของน้องสาวตัวเอง เพชรอยากให้นัยรับรู้เอาไว้ ว่าถึงแม้ศราจะเป็นน้องสาวต่างแม่ แต่เพชรก็รักเธอ ไม่เคยคิดร้ายกับเธอเลย” เพลิงเพชรเสแสร้ง เจ้าบทบาทที่สุด<br />“ผมไม่มีทางมองเพชร เป็นคนไม่ดีหรอก ยังงัยเราก็เป็นเพื่อนกัน” พินิจนัยพูด เพลิงเพชรแอบหงุดหงิดกับประโยคหลัง<br />…………………………………<br />ตกดึก ศรารันนอนพลิกตัวไปมา เธอนอนไม่หลับ คิดมากในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับพินิจนัย เธออยากรู้ว่าพินิจนัยคิดยังงัยกับเพลิงเพชร แต่ที่รู้แน่ๆเพลิงเพชรคิดกับพินิจนัยเกินเพื่อนแน่<br />เมื่อคิดถึงตรงนี้ ศรารันก็ยิ้มออกมา<br />“ หึ! ฉันว่า ฉันรู้จุดอ่อนของเธอแล้ว ยัยเพลิงเพชร!”<br />เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น<br />“ ฮัลโหล” เธอกรอกเสียงลงไป<br />“ ศรา……..” เสียงนี้ทำเอาเธอนิ่ง<br />“ พี่รู้นะว่า สิ่งที่พี่ทำมันผิดมาก แต่ตอนนี้พี่รู้แล้ว ว่าจริงๆแล้ว เพลิงเพชรใช้พี่เป็นเครื่องมือในการทำร้ายจิตใจของศรา พี่เลิกยุ่งกับเขาแล้ว ศราให้อภัยพี่ได้มั้ยครับ” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้า<br />“ ความจริงแล้ว ถ้าพี่รติ มีความหนักแน่นในเรื่องของความรู้สึก พี่ก็คงไม่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือได้หรอกค่ะ ถ้าจะโทษใคร พี่ควรจะโทษตัวเองนะคะ ที่ไม่หนักแน่นพอ ในเรื่องความรัก!”<br />ศรารันพูดเสียงนิ่งๆ ทำเอารติพูดไม่ถูก พยายามกั้นน้ำตาเอาไว้<br />“ พี่……..แค่อยากจะบอกว่า…. พี่…ขอโทษครับ…..” รติวางสายไปอย่างเสียใจ<br />ศรารันเองก็เจ็บลึกๆภายในใจเหมือนกัน เพราะอย่างน้อย รติ ก็คือคนที่เธอเคยรักมากที่สุด อยู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา แม้ว่าพยายามจะกั้นไว้<br />………………….</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-43075093353065474152009-07-19T21:34:00.000-07:002009-07-19T21:39:42.555-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQqSN1BF4WMj11hlb-1iqM_UCIY4IZUAh7dYYmLiHvzClTozOgjP5ypkGMIde6BZoaWr5l7b_aECWaCIq2jMFIPFTKKij3ZLYR0k2-qQIKkNKES6hBSWBHrF_w3rxlKC7ZUNR8GBFn5mex/s1600-h/images19.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360396792982841490" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 87px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQqSN1BF4WMj11hlb-1iqM_UCIY4IZUAh7dYYmLiHvzClTozOgjP5ypkGMIde6BZoaWr5l7b_aECWaCIq2jMFIPFTKKij3ZLYR0k2-qQIKkNKES6hBSWBHrF_w3rxlKC7ZUNR8GBFn5mex/s320/images19.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#cc33cc;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#cc33cc;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#cc33cc;"><strong>ตอนที่ 25</strong></span></div><br /><div><span style="color:#cc33cc;"></span></div><br /><div><span style="color:#cc33cc;">ศรารันมองอยู่สักพัก แล้วก็เดินเข้าไปในงานด้วยความหมั่นไส้<br />“ อีตาบ้า! รู้จักกับยัยเพลิงเพชรได้งัยกัน” ศรารันแอบบ่นอยู่คนเดียว<br /><br />เพลิงเพชรเดินเข้ามาในงานพร้อมกับพินิจนัย เพราะถึงช่วงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ต้องขึ้นเวทีพูดความในใจ พิธีกรกล่าวต้อนรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ขึ้นบ่นเวที แขกในงานปรบมือต้อนรับเสียงดัง<br />“ ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงาน วันสำคัญของเราทั้งสองคน วันนี้ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ผมขอสัญญาว่าจะดูแล คุณกานต์ไปตลอดชีวิตของผม เพราะว่าผม รักเธอครับ” ตรีทัพพูดอย่างมีความสุข แขกในงานต่างยินดีไปด้วย ศรารันยืนมองอย่างยินดีไปด้วย ครั้งหนึ่ง เธอก็เกือบจะมีความสุขแบบนี้แล้ว เธอแอบมองไปทางรติ และรติก็มองมาทางเธอเช่นกัน<br />พินิจนัยชำเลือง มองทั้งคู่ และคิดไปเองว่าศรารัน คงยังมีใจให้กับรติแน่ๆ<br />เมื่อบนเวที เจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดจบ ก็มีการตัดเค้ก จากนั้นก็มีการเปิดฟอร์ เต้นรำของคู่บ่าวสาว และเชิญแขกในงานร่วมเต้นรำด้วย<br />รติเดินเข้าไปหาเพลิงเพชรที่ตอนนี้ยืนอยู่กับพินิจนัย<br />“เพลิงเพชร คุณอยากจะเต้นรำมั้ย” รติเอ่ยถาม อย่างไรเขาก็ต้องให้เกียรติเพลิงเพชร<br />เพลิงเพชรมองมาทางพินิจนัยแวบหนึ่ง ใจจริงเธออยากจะเต้นรำกับพินิจนัย แต่ติดที่ต้องการจะแกล้งศรารัน เพราะเธอคิดว่า ศรารันคงยังรักรติอยู่แน่ๆ<br />“ ก็ได้ค่ะ เออ เดี๋ยวเพชรว่า เพชรแนะนำ ให้คุณทั้งสอง รู้จักกันก่อนดีกว่าค่ะ คุณรติคะ นี่พินิจนัย เพื่อนของเพชรค่ะ ส่วนนี่ คุณรติ เออ…………. แฟนเพชรเองค่ะ” เพลิงเพชรลำบากใจไม่น้อยที่ต้องแนะนำแบบนี้ แต่เพื่อความแค้นส่วนตัว เธอจึงยอม<br />พินิจนัยตกใจ ที่ได้ยินประโยคนี้ งั้นก็หมายความว่า เพลิงเพชร อาจจะเป็น พี่สาวต่างมารดาของศรารัน เพราะที่เขาทราบ เพลิงเพชรอยู่กับลุงและป้า ตั้งแต่เด็ก ส่วนเรื่องพ่อแม่ เธอแทบไม่เคยเล่าเลย<br />เมื่อเพลิงเพชรกับรติเดินออกไปเต้นรำ ศรารันก็มองเห็นทั้งคู่ เพลิงเพชรมองมาทางเธออย่างเยาะเย้ย ศรารันรู้สึกเซ็งๆ พินิจนัยเดินมาทางด้านหลังของเธอ<br />“ อิจฉาเขาหรืองัย” พินิจนัยพูดเสียงนิ่งๆ<br />ศรารันหันกลับมามองคนพูด<br />“ พูดอะไรของคุณ” ศรารันคิ้วขมวด<br />“ ผู้ชาย คนที่ชื่อรติ คืออดีตคนรักของคุณ ใช่มั้ย”<br />ศรารันนิ่งสักพัก ก่อนตอบ “ ใช่! คุณรู้ได้อย่างงัย หรือว่ามีคนบอก” ศรารันมองไปที่เพลิงเพชร ที่ตอนนี้เธอเองก็มองมาที่ ศรารัน กับพินิจนัยอย่างสงสัย<br />“ เอาเป็นว่า ผมรู้ละกัน” ศรารันมองหน้าเขา ก่อนจะตัดสินใจถาม<br />“ คุณ รู้จัก กับเพลิงเพชรด้วยเหรอคะ” เธอถามเสียงแข็ง<br />“ ครับ ผมกับเพชร เป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย” พินิจนัยตอบ ศรารันได้ยินคำตอบ ทำให้สายตาของเธอเปลี่ยนไป มองเขาอย่างห่างเหิน เธอเริ่มไม่แน่ใจในตัวพินิจนัย ว่าเขาได้ร่วมมือกับเพลิงเพชรหรือเปล่า ศรารันทำอะไรแทบไม่ถูก<br />“ คุณเป็นเพื่อนกับเพลิงเพชร ผู้หญิงที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิต” ศรารันพูดเสียงแข็ง<br />พินิจนัยมองหน้าเธออย่างนิ่งๆ<br />“ ที่คุณเกลียดเพชร เพราะว่าเขาแย่งคนที่คุณรักไป ใช่มั้ย! แม้กระทั่งตอนนี้ คุณเองก็ยังรักนายรติอยู่” พินิจนัยเองก็เริ่มพูดเสียงเครียด ศรารันเริ่มโมโห ทำไมเขาถึงพูดจาเข้าข้างเพลิงเพชรแบบนี้ หรือเขาคิดกับเพลิงเพชรเกินเพื่อน ด้วยความโมโห ศรารันจึงพูด<br />“ ถ้าไม่มียัยนั่น! ป่านนี้ฉันคงมีความสุขกับพี่รติไปแล้ว” คำพูดนี้ ทำเอาพินิจนัยเจ็บปวดภายในหัวใจ ศรารันเองก็รู้สึกผิด แต่ด้วยความอคติ เธอจึงจะเดินหนีออกไป แต่พินิจนัยจับแขนเธอไว้<br />“ คุณ รู้สึกแบบนั้นจริงๆเหรอ” แววตาของพินิจนัยเจ็บปวดมาก ศรารันแทบไม่อยากเห็นแววตาที่เศร้าของเขา<br />“ ฉัน….” เธอพูดอะไรไม่ออก จังหวะนี้เอง มีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนเข้ามาขอ เต้นรำกับศรารัน<br />“ ขอโทษนะครับ ให้เกียรติเต้นรำ กับผมสักเพลงได้มั้ยครับ”<br />ศรารันลังเล<br />“ ไม่ได้หรอกครับ ผมขอเธอเต้นรำกับผมแล้ว” พินิจนัยพูดนิ่งๆ ชายคนนั้นจึงออกไป<br />“ เต้นรำกับผมสักหน่อยได้มั้ย หวังว่าคงไม่ฝืนใจของคุณจนเกินไป” พินิจนัยพูด<br />ศรารันมองค้อนนิดหนึ่ง ก่อนจะยอมเต้นรำ<br />ทั้งคู่ออกไปเต้นรำ ท่ามกลางการถูกจับตามองของหลายๆคน รวมทั้งรติและเพลิงเพชร โดยเฉพาะเพลิงเพชร ซึ่งแสดงออกทางแววตาอย่างเห็นได้ชัด ว่าไม่พอใจ รติมองเธอ<br />“ ดูท่าทางคุณไม่ค่อยพอใจเลยนะ ที่เห็นศราเต้นรำกับเพื่อนของคุณ”<br />“ เปล่านี่คะ” เพลิงเพชรรีบทำหน้าปกติ แต่สายตาก็มิวายชำเลืองมองไปทางสองคนนั้นตลอด<br /><br />ระหว่างที่พินิจนัยเต้นรำกับ ศรารัน เขาก็พูดจาแขวะศรารันตลอด<br />“ คงนึกเสียดายล่ะสิ ที่คนที่เต้นรำคู่คุณไม่ใช่นายรติ” ศรารันทำหน้าเบื่อหน่าย<br />“ ก็ทำนองนั้น” ศรารันพูดอย่างฉุนๆ<br />“ คุณเองก็คงอยากจะเต้นรำ คู่กับยัยเพลิงเพชรล่ะสิ”<br />“ใช่! ผมกับเพชรสนิทกันมาก” พินิจนัยพูดประชด ศรารันรู้สึกไม่พอใจ พยายามจะดันตัวเขาออกไป แต่พินิจนัยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ เรียกได้ว่ากอดแนบชิดก็ว่าได้<br />“นี่คุณนัย! ปล่อยฉัน เดี๋ยวนี้นะ คุณไม่มีสิทธิ์ มาทำกับฉันแบบนี้ บ้าหรือเปล่า!” ศรารันโมโหพยายามดิ้นให้หลุด แต่เขาก็ยิ่งกระชับใกล้มากยิ่งขึ้น<br />“ ทำไม! กลัวใครเห็นเหรอ” พินิจนัยพูด หน้าจะชนกับศรารันอยู่แล้ว ส่วนเธอก็พยายามจะเบี่ยงหลบ จนสามารถหลุดจากอ้อมกอดของเขาได้ แล้วรีบวิ่งหนีไป เพลิงเพชรที่จับตาอยู่ ยิ่งสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง<br />“ คุณรติคะ เพชรรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ขอไปนั่งพักข้างนอกนะคะ”<br />“ ให้ผมพาคุณไปมั้ยครับ”<br />“ไม่เป็นไรค่ะ” เพลิงเพชรรีบพูด แล้วเดินออกไป<br /><br />………………………………….<br />แถวลานจอดรถ ศรารันเดินมาที่รถ เธออยากจะกลับบ้านแล้ว ตอนนี้เธอหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะเรื่องพินิจนัย เขาเป็นเพื่อนหรือไม่แน่อาจจะเป็นยิ่งกว่านั้นกับยัยเพลิงเพชร<br />ระหว่างที่จะเปิดประตูรถ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น<br />“ จะกลับแล้วหรือจ้ะ น้องรัก!” เพลิงเพชรพูดยิ้มๆ ศรารันหันจำเสียงได้ หน้าเปลี่ยนทันที กลับมามองอย่างไม่เป็นมิตร<br />“ ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ หยุดกระแดะ พูดจาเป็นคนดีสักที ฉันฟังแล้วอยากจะอ้วก!” ศรารันพูดเสียงแข็ง เพลิงเพชรยังปั้นหน้ายิ้ม<br />“ แหม นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าซะแล้ว เห็นได้ข่าวว่า พยายามจะฆ่าตัวตายด้วยเหรอ น่าเสียดาย<br />ที่ไม่ตายสมใจอยาก” ศรารันแทบไม่อยากจะมองหน้าคนตรงหน้าเธอ เพลิงเพชรยังคงพูดต่อ<br />“ ความจริง ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกเธอไว้ เกี่ยวกับคุณรติ ……… จริงๆแล้วเนี่ย ฉันไม่เคยรักเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ที่ฉันต้องเข้าใกล้เขา ก็เพราะเธอนั่นแหล่ะ เห็นว่ารักเขามาก ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเขาจะมารักฉัน ถึงขนาดทิ้งเธอในวันแต่งงาน น่าสมเพชจริงๆเลย” เพลิงเพชรพูดอย่างสะใจ<br />“ แสดงว่าที่เธอทำไปทั้งหมด เพียงเพราะต้องการแก้แค้นฉัน!” ศรารันพูดนิ่งๆ<br />“ใช่! ฉันอยากให้แก ได้รับความเจ็บปวดบ้าง ว่ามันรู้สึกอย่างไร” เพลิงเพชรพูดอย่างแค้นเคือง<br />ศรารันมองอย่างสมเพช<br />“ ความจริงฉันก็อยากจะสงสารเธอนะ ที่เกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจของพ่อ! แถมแม่ก็เหมือนคนบ้า เธอคงจะเจ็บปวด จึงต้องมาแก้แค้น ……….. แต่ฉันขอบอกเธอไว้ตรงนี้เลยว่า เธอทำร้ายจิตใจฉันได้เพียงครั้งเดียว ต่อไปนี้ จะไม่มีอะไรมาทำร้ายความรู้สึกของฉันได้อีก ผู้ชายที่ชื่อรติ ไม่ได้อยู่ในหัวใจของฉันอีกต่อไป!” ศรารันตรอกกลับ จนเพลิงเพชรโมโห<br />“ แก! นังศรารัน! ถ้าแกไม่รักคุณรติ แล้วแกรักใคร” เพลิงเพชรระแวง กลัวจะเป็นอย่างที่คิด<br />“ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องบอกเธอ แต่ เอ๊ะ! เธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้รักพี่รติ หรือว่าเธอมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว หวังว่า คงไม่ใช่คุณนัยนะ” ศรารันแกล้งพูดไปงั้นเอง แต่สายตาของเพลิงเพชรระแวงหนัก รีบพูดสวน<br />“ แกรู้จัก นัยได้อย่างงัย!” เท่านั้นแหล่ะ ศรารันก็เดาได้ทันทีว่าเพลิงเพชรคิดอย่างไรกับพินิจนัย<br />ศรารันยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย<br />“ ต้องขอบคุณเธอสินะ ที่เป็นคนผลักฉัน ให้ไปรู้จักกับเขา ในช่วงเวลาที่ฉันกำลังผิดหวังในความรัก มันคงเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตมั้ง ที่ให้เขามาดูแลฉัน จนฉันตัดใจจากพี่รติได้”<br />“ นังศรา!” เพลิงเพชรแทบกรี๊ด ศรารันหัวเราะออกมา แล้วก็เดินหันหลังเปิดประตูขึ้นรถ แล้วขับออกไป เพลิงเพชร มองตามอย่างโกธรแค้น ทำไมเรื่องถึงเป็นอย่างนี้! ทำไม! การสนทนาทั้งหมดของสองสาว รติที่แอบยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินทั้งหมด เขาตามเพลิงเพชรลงมาได้สักพัก แล้วก็มาได้ยินทั้งคู่พูดกัน สิ่งที่ได้ยิน ทำให้เขาเสียใจมาก นี่เขาเป็นเครื่องมือของเพลิงเพชรเพื่อทำร้ายจิตใจของศรารัน เพลิงเพชรไม่เคยรักเขาเลย แถมตอนนี้ศรารันก็ไม่เหลือเยื่อใยให้กับเขาแล้ว เขาแทบจะล้มทั้งยืน<br />……………………………..<br /></span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-44000087420765649142009-07-19T21:31:00.000-07:002009-07-19T21:34:23.615-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifCeBVYUJb5Kqs0UNwHSXNSHsli1Zj3qsMr6enryjKXPq1k0HA4SGZEFvjGyo1LpqKoK3JaKHszJKof7p2mQWSaP5ZTOTpmjyn8RBnm1fjRrqX91GOmJk9hoRvDOqRja1hEdZ3r7RU8g82/s1600-h/images13.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360395900077376098" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 127px; CURSOR: hand; HEIGHT: 127px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifCeBVYUJb5Kqs0UNwHSXNSHsli1Zj3qsMr6enryjKXPq1k0HA4SGZEFvjGyo1LpqKoK3JaKHszJKof7p2mQWSaP5ZTOTpmjyn8RBnm1fjRrqX91GOmJk9hoRvDOqRja1hEdZ3r7RU8g82/s320/images13.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#6600cc;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;"><strong>ตอนที่ 24</strong></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;"></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;">ต่างฝ่ายต่างรู้สึกแปลกใจ ที่ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาพบกันที่นี่ และนั่นก็ทำให้พินิจนัยแอบดีใจลึกๆ ส่วนศรารันก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ก็วางฟอร์มทำเป็นเฉยๆ<br />“ คุณมาทำอะไรที่นี่” ศรารันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ<br />“ ก็นี่เป็นงานแต่งงาน คุณคิดว่าผมมาหาหมอหรือครับ” พินิจนัยได้ทีจึงกวนใส่ ศรารันจึงโมโหเล็กน้อย<br />“ ตลกเกินไปมั้ง! ฉันถามคุณดีๆนะ” พินิจนัยยิ้มกวนๆ<br />“ ผมแค่ล้อเล่นน่า ซีเรียสไปได้….. ผมเป็นเพื่อนกับไอ้ตรี เจ้าบ่าวของงานครับ”<br />“ เหรอ ฉันเองก็สนิทกับเจ้าสาว ว่าแต่คุณเถอะ ขึ้นมากรุงเทพ เพื่องานนี้โดยเฉพาะเหรอ” ศรารันถาม<br />“ เปล่าหรอกครับ ผมมาทำธุระ เกี่ยวกับธุรกิจด้วย คงต้องอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง”<br />“แล้วคุณ พักที่ไหนล่ะ”<br />“ผมมีคอนโด อยู่ที่นี่ ทำไมเหรอครับ คุณจะชวนผมไปพักที่บ้านคุณหรืองัยครับ” พินิจนัยแกล้งหยอก ศรารันทำหน้าเอือมระอา<br />“ บ้าหรือเปล่า ติงต๊องเกินไปและ!” แม้ว่าจะพูดจากันแบบนี้ แต่ภายในใจความรู้สึกของทั้งคู่รู้สึกยินดี ที่ได้มาพูดจาและพบหน้ากันอีก<br /><br />ตอนนี้รติพูดคุยอยู่กับเพื่อน เนื่องจากเพลิงเพชรขอไปเข้าห้องน้ำ รติกวาดสายตามองหาศรารันอยู่ตลอดเพื่อหาโอกาสที่จะพูดคุยกับเธอ เมื่อเห็นเธอพูดคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง จึงขอตัวเพื่อนๆ แล้วเดินตรงเข้าไปที่ศรารัน<br />“ ขอโทษนะครับ ที่มาขัดจังหวะ ศรา พี่มีเรื่องจะขอพูดด้วย” รติเอ่ยขึ้น มองมาที่ทั้งสอง พินิจนัยสังเกตเห็นที่แววตาของศรารัน รับรู้ได้เลยว่า ผู้ชายคนนี้ มีผลต่อความรู้สึกของศรารัน เพราะเธอไม่ยอมมองหน้าชายคนนี้เลย พินิจนัยจึงขอตัว<br />“ เชิญ ตามสบายครับ” เมื่อพินิจนัยเดินออกไปแล้ว รติก็เอ่ยขึ้น<br />“ ศรา …….. พี่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี พี่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำลงไป มันทำให้ศราเสียใจมาก ศราจะด่าว่า พี่ยังงัยก็ได้ แต่พี่อยากจะขอโทษศรา กับสิ่งที่พี่ได้ทำลงไป พี่เสียใจจริงๆ” รติพูด แต่ศรายังไม่ยอมมองหน้าเขา<br />“ พี่ไม่อยากเห็ศรา เมินเฉยกับพี่แบบนี้เลย เรากับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย แม้ว่าจะในฐานะพี่น้องก็ได้” รติพูด ศรารันหันมาสบตาเขา<br />“ เราไม่ต้องเป็นอะไรกันเลย มันจะดีกว่าค่ะ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคนค่ะ แต่ถ้าพี่รติ อยากจะให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะก็ พี่ก็เลิกยุ่งกับเพลิงเพชรสิค่ะ พี่รติทำได้มั้ยล่ะ” ศรารันพูดอย่างถือตัว เมื่อเห็นรตินิ่ง เธอก็เบะปาก จะเดินไป แต่รติพูดขึ้น<br />“ ถ้าพี่เลิกยุ่งกับเพลิงเพชร เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ” ศรารันชะงัก เธอไม่คิดว่ารติจะพูดประโยคนี้ออกมา ที่เธอพูดไปแบบนั้น เพราะคิดว่ารติคงไม่ยอมเลิกกับเพลิงเพชร จึงหาข้ออ้าง ไม่ให้รติมายุ่งกับเธอ<br />“หมายความว่ายังงัยคะ” ศรารันถามด้วยความไม่เข้าใจ<br />“ พี่รู้ว่า พี่เป็นคนไม่เอาไหน โลเลในความรัก แต่ตอนนี้ พี่มั่นใจแล้ว ว่าคนที่พี่รักคือศรา ส่วนกับเพลิงเพชร มันเป็นเพียงความหลงชั่วคราวเท่านั้น” รติพูด ศรารันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี่หรือ คือคนที่เธอเคยรักอย่างมากที่สุด<br />“ ศราว่า ถ้าพี่เป็นคนที่โลเลในเรื่องความรักมากล่ะก็ พี่ก็ไม่ควรจะมีความรักหรอกค่ะ เพรามันจะทำให้คนที่รักพี่ เสียใจมาก” ศรารันพูดแค่นั้นก็เดินไป ปล่อยให้รติมองตาม พร้อมกับความรู้สึกเสียใจ<br /><br />ทางฝ่ายพินิจนัยก็กำลังคิดหนักเรื่องศรารันกับผู้ชายคนนั้น<br />สองคนนั้นเป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ ขณะที่ เขาคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงสาวๆ สองสามคนกำลังเม้าส์ถึงสิ่งที่เขาอยากรู้อยู่พอดี<br />“ นี่เธอ เห็นมั้ย เมื่อกี้นี้นะ ฉันเห็นคุณรติพูดคุยกับอดีตว่าที่เจ้าสาวด้วยนะยะ สงสัยจะรำลึกความหลังกันมั้ง”<br />“ โอ้ยยย จะรำลึกอะไรกันยะ เป็นฉันนะไม่ยอมพูดด้วยหรอก ผู้ชายอะไร! ตัวเองจะแต่งงานกับผู้หญิงที่คบกันมาตั้งนานอยู่แล้ว สุดท้ายก็ไปคว้าเอาพี่สาวต่างแม่ที่ไม่ถูกกัน ของว่าที่เจ้าสาวตัวเอง จนทำให้ต้องพยายามฆ่าตัวตาย ดีนะที่รอดมาได้ นี่ก็หายไปเป็นเดือน นึกว่าเป็นบ้าไปรักษาตัวที่ไหน ที่ไหนได้กลับมาคราวนี้ สวยสง่า เหมือนเมื่อก่อนเลย สงสัยทำใจได้แล้วมั้ง”<br />“ ใครจะไปรู้ คราวนี้อาจจะมีศึก ชิงชายกลับคืนมาก็ได้ แหม พูดแล้วก็สนุกปากจริงๆเลย” พวกที่เม้าส์ พูดแล้วก็หัวเราะกันไป พินิจนัยได้ยิน ความจริงเขาแค่ทราบว่าศรารันถูกผู้ชายที่จะแต่งงานด้วยทิ้งเธอไป คบกับคนอื่น แต่ไม่รู้ว่ามือที่สามจะเป็นพี่สาวต่างมารดา แล้วผู้ชายที่พูดคุยกับเธอเมื่อกี้ ก็คงเป็นผู้ชายที่ศรารันรักมาก เขาคิด แล้วรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินออกมาจากตัวงานกะว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยความที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหม่อลอยคิดอะไรอยู่ ทำให้เดินชนกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง<br />“ อุ้ย!” หญิงสาวร้อง<br />“ เออ ขอโทษครับ!” พินิจนัยตกใจ รีบประคองหญิงสาวที่เกือบพลาดท่าล้ม เมื่อทั้งสองตาประสานกัน ต่างฝ่ายต่างยิ้มออกมา<br />“นัย!”<br />“เพชร” ทั้งสองเรียกชื่ออย่างพร้อมกัน<br />…………………………………….<br />ทั้งสองมานั่งพูดคุยกันนอกห้องที่จัดงาน เป็นโซฟาตามระเบียงของโรงแรม<br />“ อ๋อ ที่แท้ งานแต่งที่นัยว่า ก็คืองานนี้นี่เอง ดีใจจริงๆที่ได้พบนัยที่นี่ รู้มั้ยว่าเพชรกำลังเบื่ออยู่พอดีเลย” เพลิงเพชรทำหน้าเบื่อหน่าย<br />“ เบื่ออะไรล่ะ” พินิจนัยถาม<br />“ ก็……… ช่างมันเถอะ แล้วนี่นัยจะอยู่อีกนานใช่มั้ย เห็นว่าต้องจัดการเรื่องธุรกิจด้วย” เพลิงเพชรพูดอย่างดีใจ<br />“ อ๋อ ใช่ คงสักพัก” ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ ศรารันที่ออกมาคุยมือถือข้างนอก ก็เหลือบมาเห็น พินิจนัยอยู่กับเพลิงเพชร ดูพูดจาสนิทสนม ศรารันรู้สึกแปลกใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันหรือ เธอรู้สึกไม่พอใจ<br />พูดกับตัวเอง<br />“ สองคนนี้รู้จักกันเหรอเนี่ย!” </span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-15570388379478540012009-07-19T21:27:00.000-07:002009-07-19T21:31:07.660-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd9y7LaDJ1UuiJRk-0jOlIomcyZpaVHrURWE8s0eetBTvXKmaL64ts1RaU24DVSEujdjiHzEMeqULIZKG6WiL4loY9XGLo4Cddepf59qliZUjbBoCuEfkXlah5wweI1MQqbVkZRB6oR4tN/s1600-h/images12.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360394477393011138" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 98px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd9y7LaDJ1UuiJRk-0jOlIomcyZpaVHrURWE8s0eetBTvXKmaL64ts1RaU24DVSEujdjiHzEMeqULIZKG6WiL4loY9XGLo4Cddepf59qliZUjbBoCuEfkXlah5wweI1MQqbVkZRB6oR4tN/s320/images12.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#6600cc;"></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;"></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;"><strong>ตอนที่ 23</strong></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;"></span></div><br /><div><span style="color:#6600cc;">วันต่อมา ศรารันนั่งรถออกมาจากรีสอร์ทริมเลแล้ว แม้ว่าตัวจะออกห่างมาจากที่นั่นเรื่อยๆ แต่ใจของเธอยังคงนึกถึงที่นั่น ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อมาถึงบ้าน คุณหญิงดรุณี ก็ออกมายืนรอหน้าบ้านอยู่แล้วพร้อมสามี ศรารันลงจากรถ เดินเข้าไปท่านทั้งสอง พลางกอดมารดา<br />“ สวัสดีค่ะคุณแม่” สองแม่ลูกกอดกัน คุณหญิงสำรวจลูกสาว รู้สึกโล่งใจที่ศรารันกลับมาเป็นปกติ<br />“แม่ดีใจจริงๆที่ ลูกกลับมา” คุณหญิงพูดอย่างมีความสุข ศรารันยิ้มรับ แล้วหันไปกอดบิดา<br />“ พ่อคิดถึงลูกมากเลยนะ แต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาของลูก เพราะพ่อคิดว่าศราคงต้องการเวลาที่จะอยู่ลำพัง ได้คิดและไตร่ตรองบางเรื่อง” โยธินพูดกับลูกสาว<br />“ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ ต่อไปนี้ศราจะไม่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่เป็นห่วงอีกต่อไป ศราคนนี้จะเข้มแข็ง ศราสัญญาค่ะ” ศรารันพูดอย่างมั่นใจ ทำเอาผู้เป็นพ่อแม่ สบายใจยิ้มอย่างมีความสุข<br />…………………………………<br />ตกเย็น รติกลับมาบ้านเร็วกว่าทุกวัน ความจริงวันนี้เขามีนัด ดินเนอร์กับเพลิงเพชร แต่เธอเพิ่งโทรมายกเลิก โดยให้เหตุผลว่าปวดหัวขอนอนพัก พอเขาอาสาจะพาไปโรงพยาบาลเธอก็ปฏิเสธ บอกว่าอยากพักผ่อน เขาจึงตามใจ หลังๆมานี้ เขารู้สึกว่าเพลิงเพชรไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขาตามลำพังเลย มีแต่เรื่องงานล้วนๆ บางครั้งเขารู้สึกว่าเพลิงเพชรแทบไม่ได้สนใจเขานัก เช่นเวลามีผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับเขา เธอก็ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงแม้แต่น้อย จนเขาแอบคิดว่าเพลิงเพชรรักเขาจริงๆหรือเปล่า<br />หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็หยิบมือถือขึ้นมากด โทรหาเพลิงเพชร แต่ไม่มีคนรับสาย เขาจึงวางสาย หันมามองรูปตรงหัวเตียง เป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับเพลิงเพชรเพียงรูปเดียว จากนั้นก็เดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบรูปคู่อีกอันขึ้นมา เขาเอาออกมาเทียบกัน รูปที่เขาถ่ายคู่กับศรารัน มันเต็มไปด้วยความรักของคนทั้งคู่เดียวในขณะนั้น แต่อีกรูประหว่างเขากับเพลิงเพชร มันเหมือนกับว่าเขามีความสุขไปคนเดียว แววตาของเพลิงเพชรแข็งกระด้าง แม้ว่าดูผ่านๆจะยิ้มก็ตาม<br /><br /><br />อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ พินิจนัย ทำงานอย่างชนิดไม่ลืมหูลืมตา จนสุชาติสังเกตเห็นว่า เขาทำงานหนักเกินไป ไม่ยอมปล่อยให้ว่าง บางทีก็อยู่ที่รีสอร์ท บางทีก็ไปที่ฟาร์มม้าของเขา แล้วก็ชอบทำหน้าเครียด หรือมีหงุดหงิดบ้าง จนสุชาติต้องทัก ขณะที่เขาเอาเอกสารมาให้พินิจนัยเซ็นในห้องทำงาน<br />“ คุณนัยมีเรื่อง เครียดอะไรหรือเปล่าครับ พักนี้ผมเห็นคุณนัยหงุดหงิดบ่อยๆ”<br />“เปล่า ผมก็ปกติดี” ปากบอกว่าปกติ แต่สีหน้าของเขาเครียดและหงุดหงิดจนสุชาติไม่กล้าพูดต่อ<br />เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่ศรารันจากที่นี่ไป เขาเองก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้ว่าง เพราะไม่เช่นนั้น เขาก็จะนึกถึงแต่เธอ<br /><br />อย่าว่าแต่ฝ่ายพินิจนัยเลย ศรารันก็เป็นเหมือนกัน เธอไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเลย ที่ชอบนึกถึงเขาตลอดเวลา ทำไมเธอต้องไปนึกถึงผู้ชายที่ชอบกวนประสาทก็ไม่รู้<br />ตั้งแต่กลับมาศรารันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย เธอกะไว้ว่าจะออกไปข้างนอกตอนงานแต่งงานของพี่กานต์ ถือเป็นการแสดงตัวต่อสังคมไฮโซไปเลย ว่าเธอกลับมาแล้ว เพราะเธอเองก็รู้ว่าตนคงตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่นานพอสมควร<br />ที่บริษัทของรติ รติเอ่ยชวนเพลิงเพชรให้ไปร่วมงานแต่งงานของพี่สาวที่เป็นญาติกันของเขา<br />“ ผมอยากให้คุณไปกับผมหน่อย ได้มั้ยครับ”รติพูดในห้องทำงานของเขา ขณะที่เพลิงเพชรเอาแฟ้มเอกสารมาให้เขาเซ็น เพลิงเพชรมองหน้าเขา ใจจริงเธอเองก็ไม่อยากไป แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธเขา<br />“ ก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่ค่ะ”<br />“ พรุ่งนี้เย็นครับ เป็นงานเลี้ยงที่โรงแรม” รติบอก<br />…………………………..<br />ณ คอนโดใจกลางเมืองหลวง พินิจนัยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่<br />“ผมฝากทางนั้นด้วยนะคุณสุชาติ ดูแลให้เรียบร้อย ผมคงต้องอยู่ที่นี่อีกยาว” พินิจนัยพูด<br />“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลให้เรียบร้อยครับ” ปลายสายรับปาก<br />“ ดี งั้นแค่นี้แหล่ะครับ” พินิจนัยวางสาย มองมือถือ พลางคิดอะไรออก เอ๊ะ! ความจริงเราก็มีเบอร์คุณศรา นี่หว่า เขาทำท่าจะกดโทรออก แต่ก็เปลี่ยนใจ แกมันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ไอ้พินิจนัยเอ้ย!<br /><br />เมื่อถึงวันงานสมรสของกานต์ พิธีหมั้นตอนเช้าผ่านไปเรียบร้อย มีแต่ญาติสนิทไม่กี่คน<br />ส่วนช่วงเย็นเริ่มมีแขกทยอยมา ทางฝ่ายพินิจนัยใส่ชุดสูทดูหล่อ จนสาวๆชายตามองกันเป็นแถว ทำเอาเขาแอบเขินบ้าง แต่ก็ทำเป็นเก๊กไว้ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าวซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นลูกชายเพื่อนพ่อของเขา<br />“งัยวะ เจ้าบ่าว หล่อไม่เบาเลยนะ” พินิจนัยทักอย่างสนิท จนเจ้าบ่าวหัวเราะ<br />“ ดีใจจริงๆที่แกมา ฉันนึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว ไอ้นัย” ตรีทัพพูด<br />“ ต้องมาสิ เพื่อนจะมีภรรยาทั้งที ต้องมาร่วมฉลองหน่อย” ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน เจ้าสาวก็ออกมาจากห้องแต่งตัว ตรีทัพจึงแนะนำให้รู้จักกัน<br />“ นี่งัย เจ้าสาวแสนสวยของฉัน ส่วนนี่เพื่อนผม พินิจนัย” ทั้งคู่จึงพูดคุยกัน หลังจากนั้นพินิจนัยก็ขอเข้าไปในงานก่อน ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้อนรับแขกหน้างาน รติควงคู่มากับเพลิงเพชร มาแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กานต์ไม่ค่อยชอบเพลิงเพชร เพราะเป็นต้นเหตุให้รติเลิกรากับ<br />ศรารัน แต่เธอก็เก็บอาการไว้<br />“ยินดีด้วยนะครับ พี่กานต์ พี่ตรี” รติพูด<br />“ขอบใจจ่ะรติ” กานต์พูด พลางมองชะเง้อเหมือนรอใครอยู่ จนตรีทัพต้องถาม<br />“มองหาใครหรือกานต์”<br />“อ๋อ มองหาเพื่อนน่ะค่ะ ไม่รู้ทำไมยังไม่มา” กานต์ไม่พูดตามตรง จริงๆแล้วเธอรอศรารันอยู่ รติกับเพลิงเพชรจึงเข้าไปด้านในงาน<br /><br />เมื่อเวลาผ่านไปนาน จนถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเข้าไปในงานแล้ว กานต์จึงคิดว่าศรารันคงไม่มาเธอจึงเตรียมเดินเข้าไปในงาน แต่มีเสียงหนึ่งเรียกเธอไว้<br />“พี่กานต์คะ” กานต์หันกลับมามอง แล้วก็ยิ้มอย่างดีใจ<br />“ศรา! พี่นึกว่าเราจะไม่มาซะแล้ว” ทั้งสองกอดกันอย่างดีใจ<br />“ต้องมาสิคะ วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ ทำไมศราจะไม่มาล่ะคะ” ว่าแล้วศรารันก็หันไปทางตรีทัพ<br />“ยินดีด้วยนะคะพี่ตรี ที่มีเจ้าสาวแสนสวยและก็แสนดีแบบนี้”<br />“ขอบคุณครับ” ตรีเทพพูดยิ้ม กานต์จับมือศรารันเข้าไปในงาน ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับแขกที่ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวในงาน นักข่าวเริ่มมีการถ่ายรูป และเริ่มมีเสียงกระซิบให้ได้ยิน หลายสายตาเริ่มมองมาที่ศรารัน<br />“เอ๊ะ! นี่ศรารัน ลูกสาวคุณโยธิน กับคุณหญิงดรุณีนี่ ไหนว่าเป็นบ้า ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หายดีแล้วเหรอ ถึงได้โผล่มา” เสียงนินทาแว่วมาให้ได้ยิน<br />“ฉันได้ยินว่า แอบไปรักษาตัวที่เมืองนอกมา ไม่รู้ว่ายังบ้าอยู่หรือเปล่า” นี่ก็ข่าวมั่ว<br />“ รู้มั้ย ว่าถึงขั้น พยายามฆ่าตัวตายเลยนะเธอ”<br />เสียงนินทา ของพวกขาเม้าส์แว่วมาให้ได้ยินตลอด<br />และก็มีบางพวก เช่นพวกผู้ชาย พูดว่า<br />“ สงสัยทำใจได้แล้วมั้ง กลับมาคราวนี้ถึงสวยมากๆ ก่อนหน้านั้นตอนอกหัก ปล่อยตัวซะโทรมจนดูไม่ได้”<br /><br /><br />ศรารันไม่สนใจคำพูดพวกนั้นแม้แต่น้อย ยังคงหน้านิ่ง มองไปรอบๆงาน ฝ่ายเพลิงเพชรและรติเห็นผู้คนมองไปทางเดียวกันก็มองตาม เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในคืนนี้ ก็ตกใจ รติรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ส่วนเพลิงเพชรมองอย่างตกใจ และเปลี่ยนเป็นแววตาที่เกลียดชัง ดูน่ากลัว<br />ศรารันหันมาเจอกันพอดี ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันด้วยความเกลียดชัง จ้องกันอยู่นาน ศรารันก็เลื่อนสายตามาทางรติ แววตาของเธออึดอัดใจเล็กน้อย เธอเองยังไม่อยากจะเจอเขาด้วยซ้ำ เพลิงเพชรเห็นแววตาของศรารันที่มองรติ ก็เหยียดยิ้มใส่ แล้วคว้าแขนรติมาคล้องไว้ เพราะคิดว่าจะทำให้ศรารันไม่พอใจ ศรารันทำเป็นเมินเฉย แล้วเดินไปตรงอื่น เพราะมัวแต่หงุดหงิดของศรารันจึงเดินไม่ดูไปชนแขกอีกคนที่ถือแก้วไวน์อยู่ จนเลอะเสือของเขา<br />“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ศรารันรีบขอโทษ<br />“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายมัวแต่ก้มดูเสื้อของตนอยู่ ไม่ได้มองหน้าหญิงสาว<br />ศรารันพยายามจะเช็ดให้ มองหน้าเขา แล้วก็รู้สึกคุ้นๆ แล้วจำได้ทันที<br />“คุณ!” ศรารันชี้หน้าร้องตกใจ พินิจนัยเงยขึ้นมามอง แล้วก็ตกใจไม่แพ้กัน<br />“คุณ!”</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-2128769730688168202009-07-19T21:21:00.000-07:002009-07-19T21:25:36.580-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjl6_tsJRtX_UrYIUNP1iZ7xcQVURoO9aikDt98o3d8Mo51itlwVYQdk_txm3P7oRbPt5KAe_qF6tDcIOH626V3NKkyHm7B1hMHL5UV_Nm0QIt6ISvDYbIjLQxLaqVHhl0Ec71kvUJW5Zxn/s1600-h/images11.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360393381729583522" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 129px; CURSOR: hand; HEIGHT: 97px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjl6_tsJRtX_UrYIUNP1iZ7xcQVURoO9aikDt98o3d8Mo51itlwVYQdk_txm3P7oRbPt5KAe_qF6tDcIOH626V3NKkyHm7B1hMHL5UV_Nm0QIt6ISvDYbIjLQxLaqVHhl0Ec71kvUJW5Zxn/s320/images11.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#006600;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#006600;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#006600;"><strong>ตอนที่ 22</strong></span></div><br /><div><span style="color:#006600;"></span></div><br /><div><span style="color:#006600;">เมื่อเดินเข้ามาในบ้านพัก ศรารันก็รู้สึกสับสนภายในใจตนเอง เธอพยายามบอกกับตนเองว่า ไม่ได้คิดอะไรกับพินิจนัยเกินเลยไปกว่าคนรู้จัก ระหว่างที่คิดอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์จึงหยิบขึ้นมาอ่าน เมื่อเปิดหน้าข่าวสังคมก็เห็นข่าวการประกาศแต่งงานของรุ่นพี่ที่สนิทรู้จักกัน<br />“เอ๊ะ นี่พี่กานต์จะแต่งงานเหรอเนี่ย” ศรารันพูดกับตนเอง จากนั้นก็ไปหยิบมือถือที่ชาร์ตทิ้งไว้หลังจากปิดไว้เป็นเดือนไม่เคยเปิดเลย เปิดเครื่องแล้วกดโทรออก<br />ปลายสายรับด้วยเสียงตื่นเต้น<br />“น้องศรา โทรมาได้ไงเนี่ย พี่ดีใจจริงๆเลย รู้มั้ยว่าพี่ติดต่อศราไม่ได้เลย” กานต์พูดอย่างดีใจ<br />“พอดีศราเพิ่งเปิดเครื่องค่ะ แล้วศราก็เห็นข่าวที่พี่กานต์จะแต่งงานก็เลยโทรมาถาม”<br />“ใช่ พี่จะแต่งงาน พี่ได้บอกคุณอาโยธิน ให้ฝากบอกศราด้วย ว่าให้มางานให้ได้ แต่เห็นคุณอาบอกว่า ศราอาจจะยังไม่พร้อมออกมาพบปะใครๆโดยเฉพาะ……..” กานต์หยุดพูดชื่อคน ที่คิดว่าศรารันอาจจะไม่อยากได้ยิน แน่นอนว่างานนี้รติต้องมาแน่ๆเพราะเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกานต์<br />ศรารันเงียบไปพักหนึ่ง มีแววตาแห่งความเจ็บปวดเข้ามา ก่อนจะพูด<br />“ ศราจะไปค่ะ ยังไงพี่กานต์ก็เปรียบเสมือนพี่สาวของศรา แล้วเราค่อยพบกันวันงานของพี่นะคะ” ศรารันพูด ก่อนวางสาย คงถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงสักที เธอได้โทรไปบอกที่บ้านว่าอีกสองวันจะกลับแล้ว ให้ส่งคนมารับเธอ ทีแรกโยธิน กับคุณหญิงดรุณีจะมาเอง<br />แต่ศรารันปฏิเสธ เธอขอแค่คนขับรถพอ ทั้งสองท่านจึงตามใจ<br /><br />ตื่นเช้ามาศรารันไปเดินเล่นที่ชายทะเล มองบรรยากาศไปรอบๆ ทั้งท้องฟ้า ทะเล<br />และตัวรีสอร์ทริมเล เธออยากจะจดจำที่แห่งนี้เอาไว้ให้นานที่สุด เพราะเป็นที่ที่ทำให้เธอ ลืมความทุกข์ไปได้มาก ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นบ้าง แต่มันก็ถือเป็นความทรงจำที่ดี เพราะผู้ชายคนหนึ่งได้ช่วยเธอเอาไว้ เขาไม่ได้ช่วยแค่ตัวเธอเท่านั้น แต่ยังช่วยภาวะทางจิตใจของเธอให้ดีและเข้มแข็งขึ้น ระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นพินิจนัยกำลังพูดคุยกับแขกตรงหน้ารีสอร์ท เมื่อเห็นว่าพวกเขาพูดคุยกันเสร็จแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหาเขา<br />“ อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ คุณเจ้าของรีสอร์ท” ศรารันทักยิ้มๆ พินิจนัยหันมา<br />“อ้าว นึกว่าสาวที่ไหนมาทักผม ที่แท้ก็คุณนั่นเอง” พินิจนัยแกล้งพูด<br />“ทำไม? ปกติมีสาวๆมาทักบ่อยล่ะสิ”<br />“โอ้ย เยอะแยะครับ นับไม่ถ้วน” พินิจนัยพูดอย่างกะล่อน จนศรารันทำหน้าหมั่นไส้<br />“แหว่ะ คุณนี่มันหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่าฮะ น้อยๆหน่อยก็ดีนะ”<br />พินิจนัยหัวเราะ “ ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้นเองครับ”ศรารันส่ายหน้าแต่ก็แอบยิ้ม<br />“แล้วนี่ คุณทานข้าวเช้าหรือยังครับ” พินิจนัยเอ่ยถาม ศรารันส่ายหน้า<br />“งั้นไปทานพร้อมผมดีกว่า” ว่าแล้วพินิจนัยก็เดินนำหน้าไปเลย ปล่อยให้ศรารันทำหน้าเหวอ<br />นี่เขาชวนผู้หญิงทานข้าวแบบนี้หรือเนี่ย<br /><br />เมื่อมาที่ห้องอาหารของรีสอร์ท<br />หลังจากที่ทั้งสองก็สั่งอาหาร ศรารันก็พูดขึ้น<br />“แน่ใจนะ ว่าเมื่อกี้คุณชวนฉันทานข้าว”<br />“ทำไมหรือครับ” พินิจนัยมองหน้า<br />“ก็อยู่ๆคุณก็พูดว่าให้มาทานข้าว พร้อมคุณ จากนั้นก็เดินนำมาเลย ไม่ฟังคำตอบของฉันว่าฉันอยากจะมาทานข้าวกับคุณหรือเปล่า”<br />“ถ้าคุณไม่อยากมา ก็คงไม่มานั่งตรงนี้หรอกครับ ใช่มั้ย” พินิจนัยพูดกวนๆ<br />“หรือว่าคุณอยากให้ผมคุกเข่าแล้ว พูดกับคุณว่า คุณศรารันครับ ได้โปรดให้เกียรติไปทานข้าวกับกระผมสักมื้อได้มั้ยครับ”<br />ศรารันมองหน้า พินิจนัย แล้วว่า “ จะบ้าหรือไง ใครเขาอยากจะให้ทำแบบนั้นกันเล่า” พินิจนัยหัวเราะ<br />“ผมล้อเล่นน่า” เมื่ออาหารมาเสริฟต์ ทั้งคู่ก็รับประทานพลางพูดคุยกันจนถึงเรื่องที่ว่า<br />“ พรุ่งนี้ ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ” ประโยคนี้ทำเอาพินิจนัยแทบอิ่มเงยหน้า<br />ขึ้นมองศรารัน<br />“ เหรอครับ” พินิจนัยฝืนยิ้ม “ คุณคงคิดถึงบ้านใช่มั้ยครับ”<br />ศรารันก็ทำหน้าบอกไม่ถูก เธอเองก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน<br />“ ฉันว่า มันถึงเวลาที่ฉัน ควรจะกลับไปพบกับความจริง ดีกว่าที่จะมาคอยหลบอยู่แบบนี้”<br />“มันก็จริงอย่างที่คุณพูด คนเราไม่สามารถหนีอะไรได้ไปตลอดชีวิตหรอก” พินิจนัยพูด พยายามทำให้เป็นเสียงปกติ ทั้งสองมองตากัน<br /><br />ตกกลางคืน ศรารันเก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่น อยู่ใต้ต้นลีลาวดีหรือลั่นทม แล้วนั่งดูพระจันทร์และดาวบนท้องฟ้าที่เต็มไปหมด<br />ทางฝ่ายพินิจนัยก็นอนไม่หลับ ออกมาเดินเล่นเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกที มาอยู่ที่หน้าบ้านพักของ<br />ศรารัน เขามองอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหลังกลับพลางเหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ เขาแอบดีใจ แล้วเดินเข้าไปทัก<br />“ ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณ นอนดึกระวังแก่เร็วนะ” ศรารันหันมามอง<br />“ก็ฉันไม่ง่วง แล้วคุณล่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก”<br />“ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”พินิจนัยพูด นั่งลงข้างๆศรารัน<br />“ ท้องฟ้ามีอะไรหน้ามองหรือครับ เห็นมองตั้งนาน”<br />“ ก็ดาว กับพระจันทร์งัย เห็นมั้ยล่ะว่าสวยแค่ไหน” ศรารันพูดตายังคงมองท้องฟ้าอยู่<br />“นั่นสิครับ สวยจริงๆ ผมเองก็ชอบมองดาวกับพระจันทร์เหมือนกัน สองสิ่งนี้เป็นอะไรที่คู่กันจริงๆ คุณว่ามั้ยครับ” พินิจนัยเอ่ยถาม<br />“ แต่ก็มีบางคืน ที่ไม่มีดาวแต่มีพระจันทร์ หรือไม่ก็ มีดาว แต่ไม่มีพระจันทร์” ศรารันพูด<br />“ ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอกครับ เพียงแต่เราไม่เห็นมากกว่า ความจริงมันก็อยู่ของมันเหมือนเดิมแหล่ะครับ ถ้าอยากเห็นจริงๆ ก็ต้องใช้ใจมองสิครับ แล้วคุณจะเห็นเอง” คำพูดของพินิจนัยทำเอาศรารันหันมามองหน้าเขา<br />“คุณนี่ก็พูดจาซึ้งเป็นกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย”<br />“มันก็ต้องมีบ้าง ผู้หญิงจะได้หลงงัยครับ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันเองก็ยิ้มกับคำพูดของเขา<br />“แล้วถ้าให้ คุณเลือก ว่าจะเป็นอะไร ระหว่าง พระอาทิตย์ พระจันทร์ และก็ดวงดาว คุณจะขอเกิดเป็นอะไร” ศรารันถาม พินิจนัย ทำท่าคิด<br />“พระอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ให้แสงสว่างแก่ทุกสิ่ง แต่ผู้คนมองมันได้แค่แป็บเดียว ก็ไม่อยากมอง<br />พระจันทร์ ให้แสงไม่มาก แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อความมืดมิด ใครๆก็สามารถมองมันได้<br />ดวงดาว มีแสงน้อยมาก แต่มีหลายดวง ประดับอยู่บนฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงาม และอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนพระจันทร์เสมอ ถ้าผมต้องเลือกจริงๆ ผมก็ขอเกิดเป็นพระจันทร์ ที่คอยให้แสงสว่างแก่ความมืดมิด และก็มีดาวอยู่เป็นเพื่อนอีกมากมาย ไม่โดดเดี่ยวเหมือนพระอาทิตย์ ที่ยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ไร้สิ่งรอบข้าง”<br />ศรารันแอบประทับใจพินิจนัยอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้มีความจริงก็แอบโรแมนติกเหมือนกัน<br />“ ดวงดาวที่คุณว่านี่ คงจะหมายถึงพวกสาวๆล่ะสิ”<br />“ถ้าเป็นได้ก็ดีครับ” พินิจนัยพูดหน้าตาย ศรารันทำหน้าหมั่นไส้<br />“ แต่ผมจะให้คุณเป็นดาว ดวงที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้า ดีมั้ยครับ” พินิจนัยพูด<br />“ ทำไมล่ะ”<br />“ ก็ดาวที่สว่างที่สุด ก็คือดวงที่สวยที่สุดเหมือนกัน” พินิจนัยพูดจาหยอด ทำเอาศรารันแอบเขิน แต่ก็ทำเป็นหน้านิ่ง<br />“ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันไปนอนก่อนดีกว่า” ศรารันทำท่าลุก พินิจนัยก็พูดขึ้น<br />“พรุ่งนี้ ผมคงไม่เจอคุณแล้ว เพราะมีธุระแต่เช้า เอาเป็นว่าผมขอให้คุณโชคดีละกัน ถ้าว่างๆ ก็มาพักที่ริมเลได้ตลอด ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอ ให้พักฟรีๆเลยครับ” พินิจนัยพูด ศรารันมองหน้าเขา รู้สึกใจหาย ที่พรุ่งนี้จะไม่ได้พบเขาแล้ว แต่แล้วก็ทำเป็นฝืนยิ้ม แกล้งพูด<br />“ ดีจริงๆเลย เดี๋ยวฉันจะมาพักฟรี บ่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันเข้าไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วศรารันก็รีบหันหลังเดิน เพราะกลัวว่าจะฝืนยิ้มได้ไม่นาน พินิจนัยมองตาม ด้วยสีหน้าเศร้า ความจริงแล้วพรุ่งนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไรเลย เพียงแต่ไม่อยากให้ศรารันจับความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้<br />………………………………….</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-30292274243591832492009-07-19T21:09:00.000-07:002009-07-19T21:17:10.602-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1lZdmqD-Rt8c8CZAvpyayb36N_tvD4nxhRTB1yEz4s_T-eveqeQweYdF8d77WHif1TgffOTnrmaM4D2vZV7aZOlw2Mro1MEzi9ZAbUuw9JcraJC2gVUSoZDLONBelkTKqS4oLvdaNn-hX/s1600-h/images10.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360389904505232562" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 97px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1lZdmqD-Rt8c8CZAvpyayb36N_tvD4nxhRTB1yEz4s_T-eveqeQweYdF8d77WHif1TgffOTnrmaM4D2vZV7aZOlw2Mro1MEzi9ZAbUuw9JcraJC2gVUSoZDLONBelkTKqS4oLvdaNn-hX/s320/images10.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#660000;"></span></div><br /><div><span style="color:#660000;">ตอนที่ 21</span></div><br /><div><span style="color:#660000;"></span></div><br /><div><span style="color:#660000;">มันจับเธอเข้าไปหากลุ่มคนพวกนั้น<br />“ โอ้ยยยย ฉันเจ็บนะ” ศรารันร้อง กลุ่มคนหันมามอง โดนเฉพาะพนา ที่เห็นไกลๆ ร้องถาม<br />“เฮ้ย! มีอะไรวะ” พนาเดินมาพอเห็นศรารันก็งง ว่าหนีมาได้ไง เริ่มโมโห<br />“ คุณหนีออกมาได้ไง!” ศรารันไม่ตอบ<br />“ หึ ร้ายนักนะ!” ระหว่างที่เขาจับแขน ศรารัน แล้วต่อว่าเธออยู่ ตำรวจที่แอบซุ่มอยู่ ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด<br />“นั่นคงจะเป็น ผู้หญิงที่ไอ้พนาจับมา แล้วอีกคนอยู่ไหน”ผู้กองวิทย์พูด<br />“มันอาจจะขังไว้ที่บ้านของมันก็ได้” ลูกน้องคนหนึ่งพูด<br />“เราส่งคนของเราไปที่บ้านมันแล้วส่วนหนึ่ง เดี๋ยวก็รู้กัน” ผู้กองวิทย์พูด<br /><br /><br /><br />ทางฝ่ายพินิจนัยที่แอบตามตำรวจมาที่บ้านพักของนายอิสระซุ่มดู เมื่อเห็นว่าตำรวจจับลูกน้องของพวกมันที่เฝ้าบ้าน แล้วพาเกร็ดดาวออกมาในสภาพเหนื่อยล้า แต่เขาไม่เห็นศรารันจึงแปลกใจ หรือว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็คิดว่าเธออาจจะอยู่กับพนา จึงไปที่จุดส่งไม้เถื่อน เดินเข้าไปหาผู้กองวิทย์<br />“เฮ้ย! แกมาได้ไงเนี่ย ฉันขอร้องแกไว้แล้วนะเว้ย!” ผู้กองวิทย์พูดอย่างบ่นๆ<br />“เอาเถอะน่า ก็ฉันมาแล้วนี่หว่า” พินิจนัยพูดพลางมองไปข้างหน้า แล้วเห็นศรารัน ก็ตกใจ<br />“ คุณศรา นี่หว่า อยู่นี่จริงๆด้วย” พินิจนัยเป็นห่วงศรารัน ผู้กองวิทย์มอง อย่างสงสัย<br />“แน่ใจหรือวะ ว่าเป็นแค่แขกธรรมดา”<br />พินิจนัยไม่สบตา พลางบอกว่าให้รีบจัดการเร็วๆ<br />ผู้กองวิทย์ให้สัญญาณบุก ตำรวจกระจายกำลัง พวกของอิสระรู้ตัวแล้ว<br />“ เฮ้ย! ตำรวจ” อิสระตะโกน พลางหยิบปืนยิงตอบโต้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด<br />พนาฉุดแขนศรารันวิ่งหนีไปอีกทาง พินิจนัยที่จับตาอยู่ก็วิ่งตามออกไป<br />พอวิ่งมาได้สักระยะศรารันก็ล้มลงวิ่งไม่ไหว พนาฉุดให้ลุกแต่เธอไม่ไหวจริงๆ ทำให้พินิจนัยตามมาทัน<br />“ปล่อยคุณศรา เดี๋ยวนี้นะไอ้พนา!”<br />พนาและศรารันกลับหันไปมอง<br />“แกเองเหรอ ไอ้นัย! ดี วันนี้ฉันจะฆ่าแกด้วยมือฉันเอง” พนาทำท่าจะยิงแต่ศรารัน ซึ่งอยู่ใกล้พนา ชนพนาจนเสียหลัก ทำให้ปืนลั่นไปที่อื่น ศรารันวิ่งไปหาพินิจนัย<br />พนาตั้งหลักได้หยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่ทั้งคู่<br />พินิจนัยเห็นจึงผลักศรารันล้มลงไปทั้งคู่ พร้อมๆกับเสียงปืน!<br />เขาถูกยิงที่แขน เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้กองวิทย์ไล่ตามมาและสั่งให้พนามอบตัว แต่เขายิงสวน ทำให้ตำรวจจำเป็นต้องวิสามัญ พนาขาดใจตาย!<br />ทุกอย่างเรียบร้อย นายอิสระถูกตำรวจควบคุมตัวพร้อมกับลูกน้อง<br />“เจ็บมากมั้ยคุณ” ศรารันเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจขณะที่ทั้งคู่เดินมาที่รถ<br />“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่าคุณ ไกลหัวใจตั้งเยอะ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ แม้ว่าจะเจ็บก็เหอะ<br />“แล้ว คุณดาวล่ะ” ศรารันเอ่ยถาม ผู้กองวิทย์จึงตอบแทน “ตอนนี้เราส่งคุณดาวไปโรงพยาบาลแล้ว ดูจากสภาพจิตใจของเธอแล้วคงจะตกใจมาก ทางเราแจ้งไปทางพ่อแม่ของเธอแล้ว”<br />ศรารันไม่พูดต่อ เธอคิดว่า เธอรู้ว่าเกร็ดดาวโดนอะไร<br />“ว่าแต่คุณเถอะ เป็นไงบ้าง” พินิจนัยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง<br />“ ฉันปลอดภัย เรียบร้อยดีทุกอย่าง พวกมันไม่ได้ทำอะไร ฉันหรอก”<br />พินิจนัยค่อยโล่งใจ หลังจากนั้นพินิจนัยก็ถูกพาไปโรงพยาบาล ส่วนศรารันก็ไปให้ปากคำ เธอไม่ได้บอกตำรวจว่าเกร็ดดาวมีส่วนรู้เห็น บอกแค่ว่าพนาจับทั้งคู่ไป เพื่อล่อให้พินิจนัยมาหาแล้วกะจะฆ่า<br /><br />สองสามวันผ่านไป เกร็ดดาวมาหาศรารันที่รีสอร์ทและขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องเธอ พร้อมกับขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา ศรารันไม่ถือโทษ เพราะคิดว่าสิ่งที่เกร็ดดาวได้รับมันก็ทุกข์พออยู่แล้ว<br />“ ต่อไปนี้เราจะมีแต่มิตรภาพที่ดีต่อกันนะคะ” เกร็ดดาวพูด<br />“ค่ะ” ศรารันพูดพลางยิ้มให้<br /><br />………………………………….<br />ถึงแม้ว่า พินิจนัยจะยังไม่หายดี แต่เขาก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาล ขอหมอ กลับมาพักที่บ้าน<br />ระหว่างที่พินิจนัยกำลังเดินดูความเรียบร้อยของรีสอร์ทอยู่ ศรารันก็เดินเข้ามา<br />“ จะขยันไปไหนไม่ทราบ ตัวเองยังไม่หายดี ไม่รู้ว่าจะรีบออกมาทำไมกัน”<br />พินิจนัยยิ้ม “ ก็ผมไม่อยากอยู่โรงพยาบาล เห็นแต่หน้าหมอ กับพยาบาล และก็ห้องสี่เหลี่ยมๆ สู้ที่นี่ก็ไม่ได้ ทิวทัศน์สวยงามกว่าเยอะ แถมผู้คนก็หน้ามองกว่าแยะ”ประโยคหลังเขามองมาที่ศรารัน ซึ่งเธอกำลังมองไปที่ทะเล<br />“ นั่นสินะ ก็ที่นี่มันสวยจริงๆ” พินิจนัยยังคงมองศรารันอยู่<br />“ใช่สวยมาก” เขาพูด ศรารันหันกลับมาพินิจนัยรีบหลบสายตามองไปที่อื่น<br />“ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณ คุณเลย เรื่องที่คุณช่วยฉันไว้”<br />“ ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพระเอกอยู่แล้ว” พินิจนัยยักคิ้วตอบ จนศรารันหมั่นไส้<br />“แหวะ หมั่นไส้จริงๆเลย”<br />“ อ้าว คุณไม่รู้หรือครับว่าเรื่องนี้ ผมเป็นพระเอก” พินิจนัยพูดอย่างทะเล้น จนศรารันขำ ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเวลาที่ได้พูดคุยกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่ทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้มากที่สุด ซึ่งเธอไม่ได้ยิ้มและหัวเราะมานานแล้วนับตั้งแต่……….<br />“ ปกติ คุณจะพักอยู่ที่นี่เหรอ แล้วบ้านคุณล่ะ” ศรารันเอ่ยถาม<br />“ส่วนใหญ่ผมจะอยู่ที่นี่ ส่วนบ้านของผม ต้องนั่งเรือไป อยู่ที่เกาะใกล้ๆรีสอร์ทนี้แหล่ะ แม่ผมอยู่ที่นั่น” พินิจนัยพูด<br />“ที่นั่นสวยมากมั้ย”<br />“สวยสิครับ คุณพ่อของผม รักบ้านหลังนั้นมาก คุณรู้มั้ย ว่าที่บ้านของผมมีต้นลีลาวดีดอกสีขาว ตั้งหลายต้น เวลาออกดอกมันจะสวยมากๆ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ<br />“คุณคงชอบดอกลีลาวดีสีขาวมากสินะ เพราะฉันเห็นว่าที่รีสอร์ทนี่ ก็มีต้นนี้เยอะเหมือนกัน” ศรารันมองไปรอบๆ<br />“ครับ ผมว่ามันสวยดี มองทีไรก็รู้สึกดี ”<br />“ ก็จริงอย่างที่คุณพูด” ศรารันเห็นด้วย<br />“ แล้วคุณ อยากจะไปเห็นบ้านของผมมั้ยครับ ผมจะได้พาไป” พินิจนัยเอ่ยชวน<br />ศรารันทำท่าคิด “ จะรบกวนคุณเกินไปหรือเปล่า” เธอถามอย่างเกรงใจ<br />พินิจนัยยิ้ม “ ไม่หรอกครับ ผมยินดีด้วยซ้ำไป เอาเป็นว่าเราไปวันนี้ ตอนนี้ยังได้เลย”<br />ศรารันตกลง ทั้งคู่จึงขึ้นเรือเดินทางไปที่บ้านของพินิจนัย<br />ระหว่างอยู่บนเรือ พินิจนัยซึ่งขับเรืออยู่ ก็เล่าว่า<br />“ผมลืมบอกคุณไป ว่า เกาะของผมมีชื่อว่า เกาะแห่งรัก คุณพ่อผมตั้งชื่อเอง ท่านก็เลยสร้างบ้านที่นั่น”<br />“ ท่าทางคุณพ่อของคุณ คงจะเป็นคนที่โรแมนติกมากๆเลยนะคะ”<br />“คงงั้นมั้งครับ ………….. ตอนที่ท่านจากผมไป ผมจำได้ว่า ผมเสียใจมาก ใช้เวลานานมากกว่าจะทำใจยอมรับได้ คุณแม่ของผมเสียอีก ที่เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ให้ผมเห็นสักครั้ง ผมรู้ว่าท่านเสียใจไม่แพ้กัน แต่ท่านก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้ผมเห็น พอผมทำใจได้ ผมก็สัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาด”<br />พินิจนัยพูดสายตาเศร้าลง ศรารันมองหน้าเขา พลางคิดว่า ผู้ชายคนนี้บางทีก็มีมุมที่คนอื่นไม่ค่อยได้เห็น เขาเองก็มีเรื่องที่เสียใจเหมือนกัน<br /><br />เมื่อมาถึง ศรารันพิจารณามองเกาะแห่งรัก และบ้านสองชั้นสีขาวที่สวยงาม บริเวณรอบบ้านมีต้นลีลาวดีหลายต้นอย่างที่เขาเล่า พวกมันออกดอกสีขาวสะพรั่ง ศรารันอดที่จะยิ้มและชื่นชมไม่ได้<br />“ที่นี่สวยจริงๆด้วย”<br />“ถ้าคุณชอบ จะอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันมองหน้า แกล้งพูด<br />“นายจะยกที่นี่ให้ฉันหรือไง”<br />“ ถ้าคุณอยากได้ คุณก็พาคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ยกขันหมากมาสู่ขอผมสิครับ เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันไง” พินิจนัยพูดอย่างทะเล้น ศรารันมองค้อน<br />“บ้า! คุณนี่ติงต๊องจริงๆเลย” พินิจนัยหัวเราะ ก่อนจะพาศรารันไปแนะนำกับมารดาของตน<br />เมื่อเข้าไปในบ้าน พินิจนัยก็ถามหามารดาจากเด็กในบ้าน<br />“ คุณแม่ล่ะ แวว”<br />“นายหญิง อยู่ในครัวค่ะ” ว่าแล้วพินิจนัยก็ให้ศรารันรออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนตนก็ขอตัวไปหามารดา<br /><br />หญิงสาววัยห้าสิบกำลังทำกับข้าวอยู่ พินิจนัยสวมกอดทางด้านหลัง<br />“ ทำอะไรทานครับ นายหญิง” พินิจนัยพูดยิ้มๆ<br />“ จะมาทำไมไม่บอกแม่ก่อน” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถาม<br />“ บอกก็ไม่เซอร์ไพส์ สิครับ แล้วอีกอย่าง ผมมีคนที่อยากจะแนะนำให้แม่รู้จัก” พิณพาสงสัย<br />“ใครกัน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”<br />“ผู้หญิงครับ”<br />“คนพิเศษของลูกเหรอ”<br />“ เปล่าหรอกครับ เธอเป็นแขกที่มาพักรีสอร์ทของเราครับ”<br />“แน่ใจเหรอ ว่าเป็นแค่แขก” มารดามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปกติลูกชายของเธอไม่เคยพาหญิงสาวที่ไหนมาแนะนำให้รู้จักถึงที่นี่<br />พินิจนัยหลบสายตา<br />“จริงสิครับ” พิณพาแอบยิ้ม เธอรู้จักนิสัยลูกชายของเธอดี ไม่ชอบแสดงออกเรื่องความรัก และอายที่จะบอกว่ารักใคร<br />ศรารันนั่งมองภายในบ้าน ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พินิจนัยเดินมาพร้อมกับมารดา<br />“คุณศราครับ นี่คุณแม่ของผมครับ” ศรารันยกมือไหว้พลางยิ้ม<br />“สวัสดีค่ะ”<br />“ส่วนนี่ คุณศรารันหรือศราครับ”<br />“ยินดีที่ได้รู้จักจ่ะ” พิณพาพูด เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้ ผู้หญิงคนนี้สินะ ที่ทำให้ลูกชายของเขาไขว้เขว<br />ทั้งหมดรับประทานอาหารกลางวันพูดคุยกันโดยเฉพาะพิณพากับศรารัน พูดจาถูกคอกัน จนพินิจนัย แอบงอน<br /><br /><br />เมื่อใกล้เย็นพินิจนัยและศรารันต้องกลับแล้ว จึงขอตัวกลับ<br />“วันหลังก็มาอีกนะจ๊ะ หนูศรา แม่คอยอยู่”<br />“ค่ะ ถ้ามีโอกาส ศราจะแวะมาเยี่ยมคุณแม่อีกนะคะ”<br />ทั้งสองกอดกัน พินิจนัยแอบยิ้ม<br />หลังจากที่พินิจนัยและศรารันกลับไปแล้ว สาวใช้ในบ้านกับพิณพาก็พูดกันถึงศรารัน<br />“ ผู้หญิงที่คุณนัยพามา สวยดีนะคะ ดูท่าทางจิตใจดี” แววพูด<br />“ถ้าได้มาเป็นลูกสะใภ้ ก็คงจะดีสินะ แต่ไม่รู้ว่าหนูศรา คิดยังไงกับตานัยน่ะสิ” พิณพาพูด<br /><br /><br />เมื่อจอดเรือพินิจนัยก็ลงมาจากเรือ ขณะที่ศรารันกำลังลงจากเรือ ก็เกิดเสียหลักจะล้ม โชคดีที่พินิจนัยรับไว้ทัน ศรารันอยู่ในอ้อมกอดของพินิจนัย ทั้งสองมองตากันอยู่นาน ก่อนจะรีบผละออก<br />จากกัน<br />“ นี่ก็มืดแล้ว ฉันเข้าบ้านก่อนดีกว่า” ศรารันพูดแก้เก้อ ส่วนพินิจนัยก็ทำหน้าบอกไม่ถูก ไม่กล้าสบตาศรารัน ศรารันจึงรีบเดินเข้าบ้านพักไป ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก<br /></span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-18874904315870469282009-07-19T20:57:00.000-07:002009-07-19T21:03:04.982-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitRyvSAdNX3Sgjca7BE7pvkMfWXipncj19eUK2NbIKFfHRvTtvSxvA7zK83_HUxkYMw_YO3DcpGtT1Jk-CJ6415fjZTXVne_OtCzMqrx1YVkf4hxfjuOmioEjC2uYJDU0Z13nztlLsxhfa/s1600-h/images9.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360387560968485842" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 124px; CURSOR: hand; HEIGHT: 93px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitRyvSAdNX3Sgjca7BE7pvkMfWXipncj19eUK2NbIKFfHRvTtvSxvA7zK83_HUxkYMw_YO3DcpGtT1Jk-CJ6415fjZTXVne_OtCzMqrx1YVkf4hxfjuOmioEjC2uYJDU0Z13nztlLsxhfa/s320/images9.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#333300;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#333300;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#333300;"><strong>ตอนที่ 19</strong></span></div><br /><div><span style="color:#333300;"></span></div><br /><div><span style="color:#333300;">“ ช่วยด้วยค่ะ ๆๆๆๆ!” ศรารันตระโกนขอความช่วยเหลือ พนาวิ่งตามมาติดๆ คว้าเอวไว้ได้<br />“ เธอหนี ไปไหนไม่รอดหรอก!” ศรารันพยายามดิ้น<br />“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ทั้งสองฉุดกระชากลากถูกันอย่างทุลักทุเล แต่แรงหญิงก็มิอาจสู้แรงชายได้ พนาช้อนอุ้มกายของศรารัน<br />“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วย ๆๆ!” เธอตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้ง พนาอุ้มเธอมาถึงรถแล้วโยนลงเบาะรถตู้<br />“หุบปาก! ฤทธิ์เยอะนักนะ แม่คนสวย อย่างนี้สิ ผมชอบ!” พนาพูดพลางยิ้มอย่างมีชัย เขาเองก็สนใจศรารันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เคยผ่านมาของเขา<br />ศรารันได้แต่พนามองอย่างแค้นเคือง แล้วหันมามองเกร็ดดาวอย่างโมโห พลางคิดในใจ ฉันไม่น่าโง่ หลงเชื่อยัยดาวเลย<br />เกร็ดดาวได้แต่หลบตา รถตู้มุ่งหน้าออกไป<br /><br />ทางฝ่ายพินิจนัยกลับมาก็ดึกแล้ว ปกติเขาก็นอนที่รีสอร์ทอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้กลับบ้าน บ้านของเขาต้องนั่งเรือข้ามเกาะไปอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวที่สวยงามมาก ที่นั่นสงบ แม่ของเขาไม่ค่อยออกไปไหน มักใช้ชีวิตที่นั่น กับพวกสาวใช้อีกสองสามคน<br />แล้วไหนจะเรื่องฟาร์มม้าของพ่อ ที่ตอนนี้ ก็มีญาติคอยคนดูแลอยู่<br /><br />เขาเดินผ่านบ้านพักของศรารัน เห็นปิดไฟมืด จึงคิดว่าหลับแล้ว จึงไม่ได้เอะใจอะไร เดินผ่านไปเมื่อถึงบ้านพักของเขา ก็หยุดมองต้นลีลาวดีสีขาวหรือ ลั่นทม เขาชอบดอกของมัน ที่รีสอร์ทและที่บ้านแม่ของเขา จะมีต้นนี้เยอะมาก เขาเก็บดอกที่ล่วงหล่นลงมา แล้วถือเข้าบ้าน เอามาวางไว้ที่หัวเตียง<br />มือถือของเขาดังขึ้น ใครโทรมาดึกป่านนี้วะ เขาคิด<br />เมื่อเห็นชื่อของผู้ที่โทรมาก็ยิ้ม<br />“ ว่าไง เพชร ยังไม่นอนอีกเหรอ”<br />“ เพชรนอนไม่ค่อยหลับ นัยนอนหรือยัง นี่โทรมากวนหรือเปล่า”<br />“เปล่าหรอก นัยไปพบเพื่อนมา อยู่คุยกันจนเพลิน เลยดึก เพิ่งกลับมาถึงเอง”<br />“แล้ว เมื่อไหร่ นัยจะขึ้นมากรุงเทพเหรอ เพชรคิดว่าถ้านัยยังไม่ขึ้นมา เพชรจะลงไปหานัยที่ภูเก็ตแล้วนะ”เพลิงเพชรพูด<br />“ อีกไม่นาน นัยก็ต้องขึ้นไปทำธุระที่นั่นอยู่แล้ว และก็คงจะต้องอยู่นั่นสักพัก รับรองเราได้เจอกันแน่ๆ” พินิจนัยตอบ<br />เพลิงเพชรยิ้มอย่างดีใจ<br />“ก็ดีสิ ถ้านัยมาเมื่อไหร่ บอกเพชรด้วยนะ”<br />“แน่นอนอยู่แล้ว”พินิจนัยตอบ<br />“งั้นแค่นี้นะ ขอให้นัยฝันดีละกัน”เพลิงเพชรพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี<br />“ครับ เช่นกัน” จากนั้นก็วางสาย<br /><br />………………………………..<br />ทางด้านพนา เมื่อมาถึงที่บ้านก็สั่งลูกน้องให้พาสองสาวไปขังไว้ในห้อง ทั้งคู่ส่งเสียงดัง จนอิสระออกมา<br />“นี่ มันอะไรกัน เอะอะโวยเสียงดังกันอยู่ได้” อิสระมองไปที่สองสาว<br />“อ้าว แล้วนี่ผู้หญิงสองคนนี้เป็นใคร” อิสระถามพนา<br />“ผู้หญิงของไอ้นัย ครับพ่อ ผมจับมาเอง”<br />“จับมาทำไม เดี๋ยวก็เป็นเรื่องใหญ่หรอก” อิสระไม่เห็นด้วย<br />“ ก็ถ้าอยากกำจัดมัน ก็ต้องใช้วิธีนี้แหล่ะ ล่อให้มันมาหาเรา” พนาพูด<br />“ไม่ได้นะ พวกแกห้ามทำอะไรพี่นัยนะ” เกร็ดดาวพูดแทรก<br />“ หุบปาก!” พนาตะคอก “เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน “ เฮ้ย พาไปขังได้แล้ว” ประโยคหลังพนาสั่งลูกน้อง<br />“ พ่อครับ แล้วเรื่องส่งไม้อาทิตย์หน้า….” พนายังพูดไม่ทันจบ<br />“พ่อเปลี่ยนใจแล้ว เราจะส่งเร็วขึ้น เป็นคืนพรุ่งนี้”<br />“ทำไมล่ะครับ”<br />“ลูกค้า ต้องการด่วน เพราะกลัวตำรวจ” อิสระตอบ<br />ศรารันและเกร็ดดาวถูกจับมาไว้ในห้องเดียวกัน เมื่ออยู่กันตามลำพัง ศรารันก็เปิดฉากพูด “ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเธอจะหลอกฉัน!”<br />“ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ มายุ่งเกี่ยวกับพี่นัยของฉัน มันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก!” เกร็ดดาวเถียง<br />“ ฉันกับคุณนัยไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เธอคิดไปเองต่างหาก ดูสิ ฉันเลยซวยแบบนี้ไงเล่า!” ศรารันพูดอย่างเหลืออด<br />ระหว่างที่สองสาวเถียงกัน ประตูก็ถูกเปิดออก<br />“ทะเลาะอะไรกัน น่ารำคาญจริงๆ!” พนาพูด<br />“ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกอยากได้นังศรา แกก็เอาไปสิ มาจับฉันไว้ทำไม”เกร็ดดาวพูด ศรารันมองหน้า “ ทำพูดแบบนี้ล่ะ”<br />“หยุด ฉันก็อยากได้ทั้งสองคนแหล่ะ ไม่ต้องเกี่ยงกันหรอกน่า” พนาพูด<br />ศรารันเบือนหน้าหนี อย่างขนลุก<br />“ไม่รู้ว่าไอ้นัยมันดีตรงไหน ถึงมีผู้หญิงชอบมันเยอะ” พนาพูด<br />เกร็ดดาวโมโหจึงด่าว่า<br />“ไอ้ชั่ว ฉันเกลียดแก ฉันไม่มีวันยอมเป็นของแกหรอก พี่นัยจะต้องมาช่วยฉัน เขาเป็นคนดี ไม่ได้ชั่วเหมือนแก เขาดีกว่าแกทุกอย่าง แกสู้เขาไม่ได้สักอย่าง!” พนาเริ่มเดือด<br />“ หุบปาก! เธอนี่มันปากดีนักใช่มั้ย งั้นฉันจะสั่งสอนเธอเป็นคนแรก เฮ้ย! พายัยนี่ไปห้องฉัน” ประโยคหลังพนาสั่งลูกน้อง เกร็ดดาวตกใจ ซึ่งก็ไม่ต่างกับศรารัน<br />“แกจะทำอะไรฉัน!” เกร็ดดาว เริ่มร้องไห้<br />“เดี๋ยวก็รู้” พนายิ้มอย่างน่ากลัว ศรารันไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ลูกน้องพาเกร็ดดาวออกไปแล้ว<br />พนาหันมามองศรารัน “ ผมไม่เคยถูกใจใคร เท่าคุณมาก่อนเลย แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ผมจะยังไม่ทำอะไรคุณ อยู่ในนี้ไปก่อนนะที่รัก” พนาจับที่คางศรารัน แต่เธอสะบัด<br />“นาย จะทำอะไรคุณดาว” ศรารันถาม<br />“ คุณอยากรู้นักหรือไง”พนาพูดยิ้มๆพลางเอาหน้ามาใกล้หน้าของศรารัน จนศรารันต้องพยายามเบี่ยงหนี ไม่พูดอะไรอีก พนายิ้มกับอาการของศรารัน แล้วเดินออกจากห้องไป<br />ศรารันจึงแอบด่า “ ไอ้บ้า ไอ้เลว!”<br />ถึงแม้เธอจะโกรธเกร็ดดาวอยู่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้<br />“ไม่รู้ ยัยดาวนั่น จะเป็นไงบ้างนะ” </span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-68080192598285229462009-07-19T20:54:00.000-07:002009-07-19T20:56:09.640-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgMZLM86LNyu38ytFRos6lC0pF9JCFrKeX3hm_Stl96f9Z_7AJrT9kL8-Pz4eH7Wapy-_TfeNWdTOSOmJ9eixXEahc_HeW2FQ29lyla2FrtimsARJb_Sy5zRW1CaA8pjaqEcwDSBX7Q0mI/s1600-h/images6.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360386033443893394" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 123px; CURSOR: hand; HEIGHT: 96px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgMZLM86LNyu38ytFRos6lC0pF9JCFrKeX3hm_Stl96f9Z_7AJrT9kL8-Pz4eH7Wapy-_TfeNWdTOSOmJ9eixXEahc_HeW2FQ29lyla2FrtimsARJb_Sy5zRW1CaA8pjaqEcwDSBX7Q0mI/s320/images6.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#990000;"></span></div><br /><div><span style="color:#990000;"></span></div><br /><div><span style="color:#990000;">ตอนที่ 18<br />เมื่อมาถึงที่จอดรถ ศรารันก็เปิดฉากพูด<br />“ทำไมคุณถึงไปชกเขาแบบนั้น” พินิจนัยอารมณ์ยังหงุดหงิดอยู่<br />“ก็ดูมันพูดสิ ใครจะทนได้” ศรารันส่ายหน้า แต่ก็ยิ้มออกมา<br />“แต่ ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็หมั่นไส้นายนั่น เชอะ! กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้แถมมาจับแขนฉันอีก” ศรารันทำหน้าสะใจ พินิจนัยชำเลืองมอง พลางทำหน้าแปลกใจ<br />“ตกลง คุณอารมณ์ไหนกันแน่ครับ” ศรารันไม่ตอบพลางเดินขึ้นรถ พินิจนัยจึงเดินตาม แล้วขับรถกลับรีสอร์ท<br /><br />ทางด้านพนาเมื่อกลับมาที่บ้าน ก็อารมณ์เสีย พาลด่าลูกน้อง จนคนเป็นพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ทัก<br />“ ไปอารมณ์เสียที่ไหนมาล่ะ แล้วหน้าไปทำอะไรมา”<br />“ก็ไอ้พินิจนัยน่ะสิพ่อ มันชกผม”<br />“ไอ้พินิจนัยอีกแล้วเหรอ รู้มั้ย ว่ามันไปบอกพวกชาวบ้านไม่ให้ขายที่ดินกับพ่อ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นก้างขวางคอเราไปถึงไหน คราวที่แล้วก็เรื่องซื้อที่ดินตัดหน้าเราไปทีหนึ่งแล้ว” อิสระพูดอย่างโมโห<br />“งั้นจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะพ่อ” พนาพูดอย่างเดือดๆ<br />“อีกไม่นานหรอกลูก”<br />พนาเกลียดพินิจนัยมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นศัตรูกันมาหลายๆเรื่อง แล้วตอนนี้เขาก็นึกแผนออก ผู้หญิงคนนั้น! คงจะมีความหมายกับพินิจนัย<br /><br />ที่ร้านอาหาร เกร็ดดาวถูกนัดให้มาพบ เธอนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ<br />“โทษทีนะครับ ที่ให้รอ”ผู้มาสายกล่าวขอโทษ<br />“มีอะไรก็พูดมา! ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ” เกร็ดดาวพูดอย่างหงุดหงิด<br />“แหม ใจเย็นสิครับ แล้วถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพินิจนัยของคุณล่ะ” พนาพูด<br />“เรื่องพี่นัย มีอะไร” เกร็ดดาวสงสัย<br />“ผม มีเรื่องอยากจะถามคุณ เกี่ยวกับผู้หญิงของพินิจนัย”<br />“ผู้หญิงอะไร ที่ไหน”<br />“ก็คนที่ชื่อศรารัน เธอใช่คนรักของพินิจนัยหรือเปล่า”<br />เกร็ดดาวรีบตอบ<br />“ไม่ใช่สักหน่อย! เอาอะไรมาพูด ยัยนั่นก็แค่แขกที่มาพักรีสอร์ทของพี่นัยต่างหาก”<br />พนามองหน้า<br />“หรือครับ ก็ผมเห็นวันนั้นทั้งคู่ไปซื้อของด้วยกัน พอผมไปทัก พินิจนัยก็ทำท่าทางหวงคุณศรารันมาก”<br />พนาพูดพลางสังเกตสีหน้าของเกร็ดดาว<br />“ไม่จริง!”<br />“แล้วแต่คุณจะคิดละกัน แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้ โดยเฉพาะเรื่องคุณศรารัน” พนาพูดอย่างมีเลศนัย เกร็ดดาวเข้าใจในความหมาย เธอรู้ว่าพนากับพินิจนัยไม่ถูกกัน แต่ในเมื่อเป้าหมายมีผลประโยชน์ร่วมกันก็น่าจะร่วมมือกัน<br />“หมายความว่าคุณสนใจแม่นั่น” เกร็ดดาวพูดอย่างรู้ทัน<br />“ใช่”<br />“ดี งั้นเรามาร่วมมือกัน” เกร็ดดาวพูด พนามองหน้าพลางเหยียดยิ้ม<br />……………………………..<br />เกร็ดดาวมาที่รีสอร์ทริมเล เธอเริ่มมาตีสนิทกับศรารัน<br />“คุณศราคะ ดาวขอโทษนะคะที่ตอนแรกๆ พูดจาไม่ค่อยดีกับคุณ อาจเป็นเพราะดาวคิดมากเรื่องพี่นัยกับคุณ” เกร็ดดาวเสแส้รง<br />“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ” ศรารันแปลกใจที่อยู่ดีๆ เกร็ดดาวก็มาทำดีด้วย<br />“ งั้นต่อไปนี้ ดาวขอเรียกคุณศรา ว่าพี่ศราได้มั้ยคะ จะได้ดูเป็นกันเอง”<br />“ ก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณดาวเถอะ”<br />“เรียกดาวเฉยๆดีกว่าค่ะ”<br />“ค่ะ” ศรารันตอบ ไม่อยากคิดอะไรมาก<br /><br /><br />ทางด้านพินิจนัยทราบจากคุณสุชาติว่าเกร็ดดาวมาหาศรารันก็แปลกใจ ก็เดินไปหาศรารัน<br />“น้องดาวมาหาคุณหรือครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”<br />“ไม่มีอะไรหรอก เธอแค่มาขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดีกับฉัน”<br />พินิจนัยโล่งใจ “ นึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีก” ศรารันมองหน้า<br />“ แล้วนี่คุณเดินมาเพื่อมาถามเรื่องแค่นี้ เนี่ยนะ”<br />พินิจนัยหลบตา “ อ๋อ.. เปล่า … คือ ผมเดินมาแถวนี้พอดี แล้วคุณสุชาติบอกผม ผมสงสัย….ก็เลยเดินมา คือว่า…” พินิจนัยพูดจา งงๆ ติดขัด จนศรารันรำคาญขัดขึ้น<br />“พอทีเถอะคุณ เอาเป็นว่าฉันไม่อยากรู้อะไรแล้ว โอเคมั้ย” ศรารันแอบขำกับท่าทางของพินิจนัย<br /><br />………………………..<br />วันนี้ตอนบ่ายเกร็ดดาวมาชวนศรารันออกไปข้างนอก บอกว่าอยากให้ช่วยไปเลือกของขวัญให้เพื่อนหน่อย เธอจึงไป ทางฝ่ายพินิจนัย เขาก็มีนัดกับเพื่อนที่เป็นตำรวจชื่อ ผู้กองวิทย์ ไปคุยเรื่องของนายอิสระ<br />“แล้วตอนนี้ นายดำเนินการไปถึงไหนแล้ว” พินิจนัยถาม<br />“ ทางเรามีสาย อยู่ในนั้น เห็นว่าอาทิตย์หน้า จะมีการลอบส่งไม้เถื่อน” ผู้กองวิทย์บอก<br />“ ฉันอยากจะเห็นมันโดนจับไวๆ ไอ้พวกสารเลว อยู่ไปก็รกโลก” พินิจนัยพูดอย่างอารมณ์เสีย<br />“ฉันก็เหมือนกัน หมั่นไส้ไอ้สองพ่อลูก กร่างไปทั่ว …….. ว่าแต่ แกเถอะ เป็นไง เห็นว่าธุรกิจนับวันยิ่งไปได้สวย มีสาวข้างใจได้แล้วมั้ง” ประโยคหลังผู้กองวิทย์แซว<br />“ ธุรกิจก็โอเคอยู่ ส่วนสาวๆก็ดูไปเรื่อยๆ” พินิจนัยตอบยิ้มๆ<br />“แล้ว น้องดาวล่ะ เธอก็น่ารักดี ทำไมแกไม่ชอบวะ”<br />“น้องดาว ฉันคิดได้แค่น้องสาวว่ะ เป็นมากกว่านั้นไม่ได้” พินิจนัยพูดจากใจจริง<br />“เออ อย่างว่าแหล่ะ เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้นี่หว่า เออ เห็นว่า อีกไม่นานแกก็ต้องขึ้นกรุงเทพนี่หว่า ไปทำอะไรวะ”<br />“ อ๋อ ไปงานแต่งลูกชายเพื่อนพ่อ แล้วก็อยู่ทำธุระเรื่องบริษัททัวร์ที่จะมาลง คงจะอยู่ที่นั่นสักพัก ฉันซื้อคอนโดทิ้งไว้ที่นั่น” ทั้งคู่สนทนากันตามประสาเพื่อนกันต่อไป<br />………………………………<br />ทางด้านศรารัน หลังจากเลือกซื้อของเสร็จ เกร็ดดาวก็ชวนทานมื้อค่ำต่อ จนดึก แล้วทั้งคู่ก็นั่งรถกลับ บนถนนเส้นนี้ไม่มีรถวิ่งผ่านเลย ระหว่างที่ขับรถไป มีคนนอนอยู่กลางถนน<br />“เอ๊ะ พี่ศราคะ นั่นใครมานอนตรงนั้นคะ” เกร็ดดาวพูด<br />“ไม่รู้สิ ทำยังไงดีล่ะ”<br />“เราลงไปดู ดีมั้ยคะ เผื่อว่าเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ จะได้ช่วยเหลือได้” เกร็ดดาวเข้าแผน<br />ศรารันลังเล แต่ก็ตัดสินใจ “ งั้นเราลองลงไปดูเถอะ”<br />ทั้งสองสาวลงไป พอพลิกตัวชายคนนั้นหันมายิ้ม จากนั้นก็มีผู้ชายอีกสองคนโผล่มา<br />ศรารันเห็นก็จำได้ ว่าเป็นคนที่เคยเจอและพินิจนัยก็เคยต่อยเขา<br />“นาย!” ศรารันตกใจ<br />“จำผมได้ด้วยหรือครับ” พนาพูดยิ้มอย่างน่ากลัว<br />“ เฮ้ย จับผู้หญิงสองคนนี้ขึ้นรถ” พนาสั่ง เกร็ดดาวมองหน้า<br />“หมายความว่าไง แก จะจับฉันทำไม ไหนว่าต้องการนังศรารันคนเดียวไง ” ศรารันตกใจ ไม่คิดว่าเกร็ดดาวจะมีส่วนรู้เห็น<br />“ช่วยไม่ได้ เธอมันโง่เอง รักมันมากใช่มั้ย ไอ้นัยน่ะ! ฉันจะฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง” พนาพูดอย่างเหี้ยมโหด<br />“แกนี่ มันเลวจริงๆ” เกร็ดดาวด่าว่าพนา<br />“เธอก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น เธอเองก็มีส่วน” พนา ว่ากลับ<br />“เฮ้ย! พาขึ้นรถได้แล้ว” ไอ้ลูกน้องสองคนพยายามฉุดกระชาก แต่สองสาวดิ้นสุดฤทธิ์ ศรารันกระทืบเท้าชายคนที่จับเธอแล้วใช้ศอกกระทุ้งที่ท้องของมัน เธอหลุดจากการถูกจับ แล้ววิ่งหนีสุดฤทธิ์ พนารีบวิ่งตาม “ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” </span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-77188355637073426072009-07-19T20:51:00.000-07:002009-07-19T20:54:26.480-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXx12qdxwArRsF8PlrbPWgivQNkX8xgYMTFnXZ-pP0SYRCO1Fd4_yjgYbQ678CUo5qmAt_fWYPlTse-JQ0E08xuQXbgqyyXvtDuNfQHXZEe7iKBNcJzO5F1O1KxBUKjyY3d85_bNnHKeOB/s1600-h/images4.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360385416950391570" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 105px; CURSOR: hand; HEIGHT: 127px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXx12qdxwArRsF8PlrbPWgivQNkX8xgYMTFnXZ-pP0SYRCO1Fd4_yjgYbQ678CUo5qmAt_fWYPlTse-JQ0E08xuQXbgqyyXvtDuNfQHXZEe7iKBNcJzO5F1O1KxBUKjyY3d85_bNnHKeOB/s320/images4.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#003333;"><strong><br />ตอนที่ 17</strong><br />หลังรับประทานอาหารค่ำเสร็จ พินิจนัยอาสาเดินมาส่งศรารัน แม้ว่าเธอจะปฏิเสธ<br />“นี่คุณ ไม่ต้องเดินมาส่งฉันก็ได้ ฉันเดินมาเองได้ ไม่หลงหรอกน่า” ทั้งคู่พูดคุยระหว่างทาง<br />“ผมรู้ ว่าคุณไม่หลงหรอก แต่ผมอยากเดินมาเป็นเพื่อน ” พินิจนัยตอบ<br />“แล้วนึกยังไง อยากจะเดินมาเป็นเพื่อน” ศรารันถาม<br />“ก็ไม่มีอะไร ผมเป็นเจ้าของที่นี่ ก็ต้องเอาใจใส่แขกทุกคนอยู่แล้ว” ศรารันมองหน้าพินิจนัยอย่างฉงน<br />“อย่าบอกนะ ว่าคุณ มักจะเดินมาส่งแขกแบบนี้ทุกราย เอ๊ะ หรือว่าเฉพาะแขกผู้หญิง”<br />พินิจนัยรีบพูด<br />“เปล่าสักหน่อยคุณ พูดแบบนี้ผมเสียหายนะ” ศรารันมองค้อนอย่างหมั่นไส้<br />“เป็นผู้ชาย มันจะเสียหายตรงไหนฮะ! พูดยังกับว่าตัวเองเป็นผู้หญิง”<br />“คุณรู้ได้ไงเนี่ย ว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย อุตส่าห์แอ๊บสุดๆแล้วนะเนี่ย” พินิจนัยแกล้งพูด จนศรารันแอบหัวเราะ พินิจนัยมองหน้าศรารัน เวลาเธอยิ้มหรือหัวเราะ ทำไมเขาจึงมีความสุขไปด้วย<br />เมื่อเดินมาถึงห้องพัก ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้าน คล้ายๆกัน ของรีสอร์ทริมเล<br />ศรารันก็เอ่ยขอบคุณ<br />“ขอบคุณนะคะ ที่เดินมาส่ง”<br />“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” พินิจนัยพูดพลางยิ้ม ศรารัน เดินหันหลังเข้าบ้าน พินิจนัยพูดตามหลัง<br />“กู๊ดไนท์ นะครับ” ศรารันกลับหันมามอง “ เช่นกันค่ะ”<br />หลังจากไปส่งศรารันเสร็จพินิจนัยเดินกลับมา พลางยิ้มอยู่คนเดียวตลอดทาง เจอกับสุชาติพอดี<br />จนสุชาติเอ่ยทัก<br />“คุณนัย อารมณ์ดีเรื่องอะไรหรือครับ เห็นเดินยิ้มมาแต่ไกล” พินิจนัยรีบทำหน้าปกติ<br />“ อ๋อ…. คือ คืนนี้พระจันทร์สวยดี …ก็เลย อารมณ์ดี ” พินิจนัยพูดเฉไฉ แล้วขอตัวไป<br />สุชาติมองตาม แล้วแหงนดูท้องฟ้า พลางพูดคนเดียว “มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย คืนนี้ไม่มีพระจันทร์สักหน่อย คุณนัยนี่ก็แปลก”<br />………………………………….<br />เช้านี้ เกร็ดดาว มาหาพินิจนัยแต่เช้า อยากจะให้เขาพาไปนั่งเรือเล่น แต่พินิจนัยยังไม่ว่าง เนื่องจากมีลูกทัวร์ มาลง เกร็ดดาวจึงเดินไปที่สปา เพื่อฆ่าเวลารอเขา เธอพบกับศรารันพอดี<br />“สวัสดีค่ะ คุณดาว” ศรารันทักอย่างเป็นมิตร เกร็ดดาวมองหน้าอย่างหยิ่งๆ<br />“นึกว่าใคร คุณศรารันนั่นเอง ยังอยู่อีกหรือคะ”<br />ศรารันหน้าเปลี่ยน “ ค่ะ ฉันติดใจที่นี่ เลยอยากอยู่นานๆ” ศรารันพูดนิ่งๆ จนเกร็ดดาวหมั่นไส้<br />“ติดใจอะไรหรือคะ”<br />ศรารันรู้ทันเกร็ดดาว ว่าเธอกำลังหวงพินิจนัย เหมือนอย่างที่เธอเคยหวงผู้ชายคนหนึ่ง แต่ต่างกันตรงที่ตอนนั้นเธอกับรติยังเป็นแฟนกันอยู่ ย่อมมีสิทธ์ที่จะหวงหรือหึง แต่กับเกร็ดดาวและพินิจนัยทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน<br />“ทุกอย่างค่ะ” ศรารันตอบ เกร็ดดาวมีสีหน้าไม่พอใจ<br />“ ทุกอย่างที่ว่านี่ คงไม่ได้รวมถึงเจ้าของรีสอร์ทนะคะ” ศรารันเพียงยิ้ม แล้วขอตัวก่อน เกร็ดดาวมองตามอย่างเกลียดชัง<br /><br /><br />ที่ห้องทำงานของพินิจนัย สุชาติเคาะเดินเข้ามา<br />“มีอะไรหรือคุณสุชาติ” พินิจนัยยังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารอยู่<br />“คือ ทางเรามีข่าวมา เกี่ยวกับนายอิสระ” สุชาติพูดถึงนายอิสระ ผู้มีอิทธิพล ของท้องถิ่น<br />“มีอะไร” พินิจนัยหยุดมองเอกสารตรงหน้า<br />“มีข่าวว่าตอนนี้มันกำลังจะ กวาดซื้อที่ดินของชาวบ้านในพื้นที่ติดๆกัน เห็นว่าจะสร้างบ่อนขนาดใหญ่ มันบอกว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้มาเที่ยวที่นี่ ชาวบ้านจะได้มีรายได้ไปด้วย” พินิจนัยหน้าเครียด<br />“ไอ้พวกนี้มันบ้า ไอ้เรื่องผิดๆ ขอให้บอกมันเถอะ ทำได้ทุกอย่าง แล้วพวกชาวบ้านขายไปเยอะหรือยัง”<br />“ก็ยังไม่ค่อยมีหรอกครับ ชาวบ้านไม่ค่อยเห็นด้วย”<br />“งั้น เห็นที เราต้องไปบอกพวกชาวบ้านว่าอย่ายอมขายที่ดินให้พวกมัน ผมฝากเรื่องนี้ด้วยนะ คุณสุชาติ”<br />“ครับ แต่มีอีกเรื่องครับ ตอนนี้ พนา ลูกชายนายอิสระ กลับมาจากนอกแล้วครับ คงจะมาช่วยงานผิดกฎหมายของพ่อมันอีกหลายๆอย่าง”<br />พินิจนัยนึกถึงพนา ศัตรูที่ไม่ถูกกับเขาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนอยู่ประถมและมัธยม ก็ไม่ถูกกัน แบ่งเพื่อนเป็นสองฝ่าย ชกต่อยเป็นประจำ พออยู่มหาวิยาลัย เขาสอบติดที่กรุงเทพ ส่วนพนาก็ไปเรียนเมืองนอก แต่ได้ข่าวว่าทำตัวเละเทะ กว่าจะจบได้<br /><br />ที่ห้องทำงาน<br />ทางฝ่ายรติ ตั้งแต่เกิดเรื่อง แม้ว่าเขาจะยินดี ที่ได้คบกับเพลิงเพชร แต่ลึกๆในใจก็ยังอดห่วงศรารันไม่ได้ เขาเองก็เสียใจที่ทำร้ายจิตใจของศรารัน แต่เขาเองก็ไม่รู้จะไปขอโทษเธอที่ไหน เพราะไม่ได้ติดต่อกับพ่อแม่ฝ่ายนั้น เพลิงเพชรเดินเข้ามา<br />“คิดอะไรอยู่หรือคะ” รติหลุดจากภวังค์<br />“อ๋อ คือ คิดเรื่องงานอยู่ครับ”<br />เพลิงเพชรมองหน้า<br />“คงไม่ได้คิดถึงใครอยู่หรอกนะคะ”<br />“เปล่านี่ครับ”รติปฏิเสธ เพลิงเพชรแอบยิ้มที่มุมปาก พลางคิด คงจะนึกถึงแม่นั่นล่ะสิ! ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโผล่มาสักที<br /><br /><br /><br />วันนี้พินิจนัยมาทำธุระที่ตัวเมือง ถามศรารันว่าต้องการอะไรมั้ย แต่เธอขอตามมาด้วยอยากจะไปเลือกของเอง พอมาถึง พินินัยแยกไปทำธุระ ส่วนศรารันเดินไปซื้อของ ระหว่างที่กำลังเลือกของ ดูเสื้อผ้า การกระทำของเธอ กำลังอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง ที่เห็นเธอตั้งแต่ลงรถมา แล้วเกิดต้องใจ<br />เธอหยิบดูของประดับเล็กน้อย อย่างเพลินๆ ก็มีเสียงหนึ่งมาทัก<br />“ชอบหรือครับ” เธอสะดุ้งเล็กน้อยหันไปมอง เป็นชายหนุ่มดูดี<br />“ ค่ะ สวยดี” ศรารันตอบเป็นมารยาท<br />“งั้นผมซื้อให้”<br />“ไม่ต้องค่ะ ฉันซื้อเองได้” ศรารันไม่เข้าใจ ว่าอยู่ดีๆผู้ชายคนนี้จะมาซื้อของให้ทำไม ผู้ชายคนนั้น มองพลางยิ้ม “นี่คุณ ผู้หญิงที่ไหนเขาก็ชอบให้ผู้ชายซื้อของให้ทั้งนั้นแหล่ะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย” ศรารันหน้าเปลี่ยน กลายเป็นไม่พอใจ<br />“เอ๊ะคุณ! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นนะ อย่ามาดูถูกฉันอีก” ศรารันทำท่าจะเดินหนี แต่ผู้ชายคนนั้นจับแขนไว้ “ จะเล่นตัวไปไหน รู้มั้ยว่าผมลูกใคร”<br />“นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ศรารันพยายามสะบัดแขนออกแต่ไม่หลุด อีกฝ่ายยังจับไว้แน่น<br />พินิจนัยเข้ามาเห็นพอดี จึงรีบวิ่งมา<br />“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” ผู้ชายคนนั้นหันมามอง<br />“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ แกนั่นเอง ไอ้นัย” ศรารันแปลกใจคนทั้งคู่รู้จักกัน<br />“แก นั่นเอง ไอ้พนา!” พินิจนัยมองนิ่งๆ “ปล่อยคุณศรารันเดี๋ยวนี้!” พนาจึงปล่อยมองทั้งคู่<br />“แฟนแกหรือวะ สวยดีนี่ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ ก็บอกฉันได้นะ” พนาพูดพลางมองมาที่ศรารัน<br />พินิจนัยโมโห กำหมัด ซัดเปรี้ยง! ไปที่ใบหน้าของพนา<br />ศรารันตกใจ รีบห้ามก่อนที่พินิจนัยจะใส่หมัดครั้งที่สอง แล้วรีบลากพินิจนัยออกไป<br />“ถ้าแกพูดแบบนี้อีก แกโดนอีกแน่!” พินิจนัยตะโกนพูด พนามองตามอย่างเดือดๆ เอามือจับแก้มตัวเอง “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!”<br />………………………….</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-81320339153053104112009-07-19T20:47:00.000-07:002009-07-19T20:49:14.221-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSt7Jajv-xm0zfNi61LGdYQLh5TYprxEvaFrmPOGfcJs2ouTU3rFO3GSkX_ikpXo6vY49VmcrZrMrtDeASlAdpEDZZ_MHmkvKbRYiXMsuUpWl8lLpj8kDQDD_mkEVizWvzHu1WVlhYKz6U/s1600-h/images3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360384275747192418" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 112px; CURSOR: hand; HEIGHT: 124px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSt7Jajv-xm0zfNi61LGdYQLh5TYprxEvaFrmPOGfcJs2ouTU3rFO3GSkX_ikpXo6vY49VmcrZrMrtDeASlAdpEDZZ_MHmkvKbRYiXMsuUpWl8lLpj8kDQDD_mkEVizWvzHu1WVlhYKz6U/s320/images3.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#003300;"><strong></strong></span></div><br /><div><span style="color:#003300;"><strong>ตอนที่ 16</strong></span></div><br /><div><span style="color:#003300;"></span></div><br /><div><span style="color:#003300;">ศรารันกลับมาที่ห้องพัก เธอเห็นนิ่มจึงเรียกมาคุย<br />“นิ่ม ฉันต้องการให้เธอกลับบ้านพรุ่งนี้ ไม่ต้องอยู่ดูแลฉัน ฉันต้องการอยู่ที่นี่ลำพัง”<br />นิ่มไม่เห็นด้วย<br />“แต่ คุณผู้หญิง ต้องการให้นิ่มอยู่กับคุณศรานะคะ”<br />“ไม่ต้องแล้ว ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วย ว่าไม่ต้องมาหาฉันหรอก ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะกลับไปเอง แต่ถ้าพวกท่านไม่ยอม ฉันก็จะหนีไปอยู่ที่อื่น โดยไม่บอกพวกท่าน”<br />ตอนแรกนิ่มมีทีท่าว่าไม่ยอม แต่ก็ไม่กล้าขัดศรารัน<br /><br />เช้าวันรุ่งขึ้นนิ่มได้เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ แล้ว โยธินกับคุณหญิงทราบเรื่อง ก็ได้แต่เป็นห่วง และไม่อยากขัดใจลูก เพราะคิดว่าศรารันคงต้องการเวลาพักใจ<br /><br />ทางด้านเพลิงเพชร ก็กำลังพูดอยู่กับชิดจันทร์<br />“ไม่รู้ว่า นังศราเงียบหายไปไหน ไม่เห็นโผล่ออกมาเลย เพลิงเพชรบ่น<br />“สงสัยไปหาที่พักใจมั้ง แต่ฉันว่าคงทำใจยาก ก็แกกับคุณรติ สวีทออกงานบ่อย หนังสือพิมพ์หน้าสังคมก็ลงข่าวตลอด ป่านนี้ไม่ช็อคไปแล้วหรือ” ชิดจันทร์พูด<br />“ก็นี่แหล่ะ ที่ฉันต้องการให้นังศรา มันเห็นว่าคุณรติ รักฉันมากแค่ไหน มันจะต้องเจ็บปวดไปอีกนาน” เพลิงเพชรพูดอย่างชิงชัง<br />“รอให้ฉันหายแค้น เมื่อไหร่ ฉันก็จะบอกเลิกคุณรติ”<br />ชิดจันทร์มองหน้า “แก จะเลิก กับเขาจริงๆเหรอ ฉันว่าน่าเสียดายนะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย”<br />“ก็ฉันไม่ได้รักเขา” เพลิงเพชรพูดสีหน้านิ่งๆ<br />“แต่แกรัก พินิจนัย”ชิดจันทร์พูดขึ้นแทงใจเพลิงเพชร จนเธอหน้าเปลี่ยน<br />“ใช่! ฉันรักนัยคนเดียว ชีวิตนี้ฉันคงไม่สามารถรักใครได้อีก” ชิดจันทร์รู้มาตลอดว่าเพลิงเพชรแอบรักพินิจนัยตั้งแต่สมันเรียนแล้ว<br />“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะไปหาเขา” เพลิงเพชรพูดตามความรู้สึก<br />………………………<br />ทุกๆวัน ศรารันจะเดินไปที่สปา เพื่อบำบัดร่างกายและจิตใจตลอด พอเวลาว่างเธอก็มักจะออกไปเดินเล่นบริเวณรีสอร์ท หรือไม่ก็ชายทะเล เธอเริ่มคุ้นเคยกับพนักงานที่นี่ เริ่มพูดคุยเป็นกันเอง<br />บางครั้งพินิจนัยก็ชวนเธอไปเที่ยวหมู่บ้านประมง<br />“คุณนึกยังไง พาฉันมาที่นี่เนี่ย” ศรารันเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่แถวท่าเรือ<br />“ก็ผมเห็นคุณว่างๆ ไม่ได้ทำอะไร ก็เลยพามาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย”<br />“ที่เนี่ยนะ”ศรารันทำหน้าแปลกๆ<br />“ครับ เป็นไง ได้บรรยากาศทะเลเต็มๆ” พินิจนัยพูดยิ้มๆ ศรารันได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็เดินดูอย่างสนใจ<br /><br /><br />เมื่อทั้งคู่กลับมาที่รีสอร์ท คุณสุชาติก็วิ่งมาหาพินิจนัย<br />“คุณนัยครับ คุณดาว มารอพบอยู่ครับ”<br />“น้องดาวเหรอ งั้นเดี๋ยวผมไป” พินิจนัยยังพูดไม่ทันจบ ดาวหรือ เกร็ดดาว ก็วิ่งมาคล้องแขนพินิจนัย<br />“พี่นัยขา ไปไหนมาคะ ดาวมารอตั้งนานค่ะ” เกร็ดดาวพูดพลางเหลืบมองมาที่ศรารันอย่างไม่เป็นมิตร<br />“พี่ไปหมู่บ้านประมงมาครับ น้องดาวมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาที่นี่”<br />“แหม ทำไมพี่นัย ถามแบบนี้คะ ทำยังกับว่าเราเป็นคนอื่น คนไกล” เกร็ดดาวพูดพลางมองมาที่ศรารัน เหมือนต้องการให้เธอฟังเอาไว้<br />“แล้วนี่ ใครคะ” เกร็ดดาวถามอย่างสงสัย<br />“อ๋อ นี่คุณศรารัน แขกของที่นี่” พินิจนัยแนะนำ<br />“ส่วน นี่เกร็ดดาว ลูกสาวของเพื่อนพ่อผม”<br />“ยินดี ที่ได้รู้จักค่ะ” ศรารันพูดอย่างเป็นมิตร แต่เกร็ดดาวมองอย่างหยิ่งๆ ศรารันจึงถอนใจ ไม่อยากสนใจ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ศรารันขี้เกียจอยู่ตรงนั้น จึงเดินไป เกร็ดดาวมองตามอย่างไม่ค่อยชอบหน้า<br />“ เขาจะมาอยู่ที่นี่นานมั้ยคะ”<br />“ก็อาจจะนานหรือไม่นาน ก็แล้วแต่เขา” พินิจนัยพูด ใจจริงเขาอยากจะให้ศรารันอยู่นานๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาคิดแบบนั้น<br /><br /><br /><br />ทางด้านศรารันเดินกลับมาที่ห้องพัก พลางพูดคนเดียว<br />“ไหนบอกว่าไม่มีแฟน แหว่ะ น่าหมั่นไส้ นายนี่มันกะล่อนจริงๆเลย นายพินิจนัย”<br /><br />ตอนค่ำ ศรารันออกมาที่ห้องอาหารของรีสอร์ท นั่งทานอาหารอยู่คนเดียว<br />“ ทานคนเดียวอร่อยมั้ยคุณ” พินิจนัยทัก<br />“ ตอนแรกก็อร่อยดี แต่มาไม่อร่อยตอนที่คุณทักนี่เหล่ะ” ศรารันตอบกลับ<br />“โห คุณ อะไรมันจะขนาดนั้น” พินิจนัยแกล้งโวย ศรารันมองหน้าอย่างหมั่นไส้<br />“ แล้วนี่แฟนคุณกลับไปแล้วเหรอ เดี๋ยวเขาเห็นคุณมาพูดคุยกับฉัน ก็ไม่พอใจหรอก”<br />“แฟน” พินิจนัยทำท่าคิด แล้วก็นึกออก<br />“อ๋อ น้องดาว เขาไม่ใช่แฟนผมสักหน่อย ผมคิดกับน้องดาว แค่น้องสาวเท่านั้น ไม่มีอะไรแอบแฝง”<br />“แต่ดูท่าทาง เธอไม่ได้คิดกับคุณแค่พี่ชายมั้ง” ศรารันพูดปกติ ไม่ได้คิดอะไร<br />“ ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเสน่ห์ของผม มันเป็นเรื่องที่ห้ามกันยาก” พินิจนัยแกล้งพูด ส่วนศรารันก็ทำหน้าเอือมระอา<br />พินิจนัยแกล้งพูดต่อ<br />“เอ๊ะ หรือว่าคุณหึง”<br />ศรารันทำหน้านิ่ง<br />“ติงต๊องเกินไปและ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณสักหน่อย” พินิจนัยยิ้มๆ<br />“ก็จะไปรู้เหรอครับ เห็นคุณสนใจ”<br />“บ้า!” ศรารันว่า พินิจนัยหัวเราะ ความจริงเขาอยากจะให้ศรารันไม่เครียด เขาจึงชอบแกล้งแหย่ เพื่อให้เธอไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน<br />……………………………………</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-53026389769519437572009-07-19T20:36:00.000-07:002009-07-19T20:47:17.403-07:00ในใจเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKXeXB-DPJZCD2wFvxgukDGUo8SwV3SWJBHt0upDkInu4Nc43Cf7hpmJUdKnN1XB3ilC3JUUofzF-LJqf1plVs37c4v_LR2xOFGK4bmhqPSP_8GufZqHhD4qqNPZGXMS5DV6yg8otp8F5k/s1600-h/images5.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5360383070730069234" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 90px; CURSOR: hand; HEIGHT: 131px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKXeXB-DPJZCD2wFvxgukDGUo8SwV3SWJBHt0upDkInu4Nc43Cf7hpmJUdKnN1XB3ilC3JUUofzF-LJqf1plVs37c4v_LR2xOFGK4bmhqPSP_8GufZqHhD4qqNPZGXMS5DV6yg8otp8F5k/s320/images5.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#660000;"></span></div><br /><div><span style="color:#660000;"></span></div><br /><div><span style="color:#660000;"><strong>ตอนที่ 15</strong></span></div><br /><div><span style="color:#660000;"></span></div><br /><div><span style="color:#660000;">ศรารันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากได้ใช้บริการที่สปา แต่ก็แค่ร่างกายเท่านั้น ส่วนเรื่องหัวใจ เธอคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธออ่านหนังสือพิมพ์หน้าสังคม เจอข่าวรติกับเพลิงเพชรที่สวีตจนออกหน้าออกตา ศรารันปาหนังสือพิมพ์ทิ้ง นิ่มต้องมาเก็บ นิ่มจะคอยรายงานข่าวอาการของศรารัน ให้โยธินกับคุณหญิงดรุณีฟังตลอด<br />“ตอนนี้ คุณศรา เธอก็เริ่มพูดคุยปกติค่ะ แต่ก็จะมีบางครั้งที่ชอบเงียบ เหม่อลอยบางครั้งค่ะ”นิ่มรายงานทางโทรศัพท์<br />“ยังไงก็ดูแลหน่อยละกัน แล้วนี่คุณศราทำอะไรอยู่” คุณหญิงถาม<br />“ออกไปเดินเล่นค่ะ”<br />“ยังไงก็คอยดูแลคุณศราด้วย”<br />“ค่ะ” นิ่มวางสาย<br /><br />ศรารันออกไปเดินเล่นที่ทะเล เห็นคู่รักสวีตกันหวาน จนศรารันต้องเบือนหน้าหนี<br />“ถึงขนาดทนดูไม่ได้เลยหรือคุณ” พินิจนัยพูดหยอก<br />“มันเรื่องของฉัน” ศรารันยังเดินต่อ<br />“ความจริง คุณก็เป็นผู้หญิงหน้าตาพอใช้ได้ ทำไมไม่ลองหาใครสักคนมาดามใจล่ะ” พินิจนัยแกล้งพูด ความจริงศรารันไม่ใช่แค่หน้าตาใช้ได้ แต่เธอสวยมากๆต่างหาก<br />“นี่คุณ หยุดพูดสักทีได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียว” ศรารันเริ่มรำคาญ<br />“ผมจะบอกอะไรให้ เวลาที่คนเราอยู่คนเดียว ก็มักจะคิดฟุ้งซ่าน ทำให้จิตใจเราแย่ไปเอง คนที่ทำร้ายเราจริงๆไม่ใช่ใครหรอก ก็ใจเราเองเนี่ยแหล่ะ” พินิจนัยพูด ศรารันหันมามองหน้า<br />“คุณเป็นนักจิตวิทยาหรือไง ถึงได้มาสอนฉันเนี่ย”<br />“ก็ผม มีสปาที่บำบัดจิตใจคน เพราะฉะนั้น เจ้าของก็ต้องมีคำพูดปลอบใจคนบ้างสิครับ”<br />พินิจนัยพูดยิ้มๆ<br />“ ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยสิ คุณพินิจนัย” ศรารันหยุดเดิน<br />“อะไรหรือครับ”<br />“คุณ มีแฟนหรือยัง” ประโยคนี้ทำเอาพินิจนัยยิ้มแล้วแกล้งแซวศรารัน<br />“ นั่นไง! ผมว่าแล้ว คุณอยากจะให้ผมมาดามใจคุณใช่มั้ยล่ะ แต่เสียใจด้วยผมไม่ชอบเป็นตัวสำรองของใครนะคุณ” พินิจนัยแกล้งทำเป็นเสียงจริงจัง จนศรารันส่ายหน้า<br />“ บ้าหรือเปล่าเนี่ย ใครจะให้คุณมาดามใจ ต่อให้ผู้ชายเหลือคุณคนเดียวฉันก็ไม่แลหรอกย่ะ”ศรารันพูดประชด<br />“อ้าวจะไปรู้เหรอเห็นคุณ ถามแบบนี้ จะให้คิดยังไงล่ะ”<br />“ ฉันแค่อยากรู้”<br />“ถึงผมจะหน้าตาดี แต่ก็ยังไม่มีแฟนครับ คุณสบายใจได้” พินิจนัยพูดยิ้มพลางยักคิ้วหรี่ตาให้ ศรารันได้แต่ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็แอบยิ้มออกมา<br />“แล้วเคยมีแฟนมาก่อนมั้ย”<br />“เคยตอนอนุบาลสอง” ศรารันมองหน้าผู้พูด<br />“แต่เราก็เลิกกัน เพราะยังเด็กเกินไป” พินิจนัยพูดหน้าซีเรียส ศรารันแอบหัวเราะ<br />“ขำอะไรคุณ” พินิจนัยถาม<br />“เปล่า แล้วทำไมตอนนี้ยังไม่มีล่ะ” ศรารันถามต่อ<br />“ก็ยังไม่เจอใครถูกใจมั้ง” พินิจนัยพูด<br />“ถ้าคุณมีแฟน แล้วถูกคนอื่นแย่งไป คุณจะทำยังไง”<br />“ ผมต้องแน่ใจก่อนว่าเขายังรักผมอยู่หรือเปล่า ถ้าเขารักผมอยู่ ผมก็คงทำทุกวิถีทางให้เธออยู่กับผม แต่ถ้าเธอไม่ได้รักผมแล้ว ผมก็คงปล่อยเธอไป” ศรารันเงียบ พินิจนัยพูดต่อ<br />“ แล้วคุณล่ะ คิดว่าคนที่ทิ้งคุณไป มีค่าพอที่จะให้คุณเสียใจหรือเปล่า” ศรารันอึ้ง มันก็จริงอย่างที่เขาพูด จะมัวไปเสียใจให้กับคนที่ไม่เห็นค่าเราทำไมกัน เขาไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยสักหน่อย ทั้งสองเดินเล่นพูดคุยกันไป</span></div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8400633977458092603.post-658362757946988572009-07-17T06:19:00.000-07:002009-07-17T06:21:27.496-07:00ดวงไฟในสายฝน 2<div><font face="arial" color="#cc0000">ทันทีที่ มุฑิตาผลักบานประตูกระจกใสเข้ามาใน ‘ร้านไออุ่น’ ชายวัยกลางคนในชุดสูทแบบนักธุรกิจผู้นั่งในร้านอยู่ก่อนก็ตรงเข้าทักทายพร้อมทั้งอุ้มเด็กหญิงวัยหกขวบหน้าตาบ้องแบ๊วที่มุฑิตาจูงมาด้วย ไปหอมแก้มซ้ายขวาอย่างแสนรัก “คุณครูมาตรงเวลาดีจังครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลน้องดาวให้”สาเหตุที่ทำให้มุฑิตาต้องมาย่านนี้ก็เพราะเธอต้องพาเด็กหญิงดวงดาวมาประกวดสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆ หลังจากกล่าวทักทายตามมารยาทและคิดว่าจะขอตัวกลับเสียที ผู้ปกครองเด็กหญิงดวงดาวก็เอ่ยปากด้วยท่าทีขัดเขิน “คุณครูทานอะไรหน่อยนะครับ ผมเป็นเจ้าภาพเอง แหะๆ คือ….ความจริงผมมีเรื่องอยากรบกวน….”แล้วหน้าที่ของครูที่ควรจะสิ้นสุดเมื่อได้ส่งตัวเด็กให้ผู้ปกครองอย่างปลอดภัยก็ทำท่าจะมีโอเวอร์ไทม์ เมื่อผู้ปกครองชี้แจงว่ากำลังคุยติดพันกับลูกค้าอยู่ในร้าน ไม่สามารถปลีกตัวกลับตอนนี้ได้ ขอร้องให้คุณครูช่วยอยู่ดูแลลูกสาวไปพลางๆ แม้งานเกินเวลานี้จะไม่มีค่าตอบแทนเช่นพนักงานบริษัททั่วไปแต่มุฑิตาก็ไม่ปฏิเสธเนื่องด้วยว่าภายในร้านมีลูกค้าเต็มทุกโต๊ะแม้จะพอมีเก้าอี้ว่างแต่ก็ต้องไปนั่งรวมกับคนอื่นอยู่ดี หลังจากกวาดตามองรอบร้านคร่าวๆครูสาวจึงตัดสินใจพาลูกศิษย์มานั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดเพราะเห็นมีผู้ชายท่าทางเหมือนจะไม่สนใจอะไรในโลกนั่งอยู่เพียงคนเดียวบริกรหน้าตี๋ยิ้มแย้มเข้ามารับรายการอาหาร ลูกศิษย์ตัวน้อยสั่งโกโก้เย็นส่วนหญิงสาวสั่งนมเย็นธรรมดากับคุ๊กกี้เมล็ดดอกทานตะวัน คิดในใจว่าไม่กล้าสั่งเยอะกลัวเจ้าภาพจะไปค่อนแคะภายหลังว่าเธอเห็นแก่กิน“ครูมุขา ดอกทานตะวันเป็นยังไงคะ? แล้วทุ่งทานตะวันล่ะคะ” หลังจากที่บริกรยกคุ๊กกี้เมล็ดทานตะวันมาเสริฟ หนูน้อยก็เริ่มยิงคำถาม“ทานตะวันเป็นดอกไม้กลมๆใหญ่ๆค่ะเมล็ดนำมาทานได้ในคุ๊กกี้นี่ก็มี เมล็ดจะอยู่รวมกันตรงกลางเป็นวงกลมแล้วก็ล้อมรอบด้วยกลีบดอกที่เรียวยาว ปลูกมากแถวจังหวัดสระบุรี ลพบุรี บานประมาณช่วงปลายพฤศจิกายนถึงต้นกุมภาพันธ์ ทุ่งดอกทางตะวันกว้างมาก กว้างกว่าน้องดาวกางแขนสองมือเป็นร้อยเท่าเลย” ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามแม้จะนั่งเงียบหากยังได้ยินเสียงแจ๋วๆของเด็กหญิงวัยหกขวบกับเสียงเย็นๆของครูสาว แล้วก็อดสงสารไม่ได้ โธ่!แม่หนูน้อยคงอยู่แต่ในกรุงเทพไม่ได้ออกต่างจังหวัด“กลมๆเหมือนลูกฟุตบอลเหรอคะ?” หนูน้อยยังคงยิงคำถามต่อ“ไม่เหมือนจ๊ะ ดอกทานตะวันไม่ได้กลมกลิ้งได้แบบนั้น แต่กลมๆแบนๆต่างหาก เหมือนหมอนแบนๆไงคะ” มุฑิตา พยายามอธิบายโดยหยิบยกสิ่งที่เด็กหญิงคุ้นเคย“พี่มีรูปทุ่งทานตะวันพอดีเอาไปดูซิครับ เก็บไว้เลยก็ได้ไม่ต้องคืน” แล้วบุคคลที่สามผู้เผอิญนั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนก็เปิดกระเป๋าเงินพร้อมทั้งหยิบรูปถ่ายทุ่งทานตะวันใบเล็กๆยื่นให้“ขอบคุณมากค่ะ แต่คงรับไม่ได้หรอกค่ะ คุณเอาคืนไปเถอะ” มุฑิตาตัดสินใจปฏิเสธ หลังจากใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีตรึกตรอง รูปถ่ายที่เก็บในกระเป๋าสตางค์คงเป็นรูปสำคัญ แว๊บไปเห็นนางแบบสาวสวยกลางทุ่งทานตะวันในรูปแล้วก็ออกจะเกรงใจ สงสัยจะเป็นรูปแฟน แล้วเที่ยวเอามาให้ใครเขาทั่วแบบนี้ ถ้าแฟนรู้เข้าจะไม่น้อยใจหรือ“ขอบคุณมากค่ะ แต่น้องดาวมองไม่เห็นหรอกค่ะ น้องดาวตาบอด” เด็กหญิงกล่าวขอบคุณเสียงใสตัดกับความหมายของข้อความ“คือน้องดาวแกตาบอดมาตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ” ฝ่ายคุณครูเห็นชายหนุ่มผู้มีน้ำใจเบิกตากว้างทำหน้างุนงงเลยอธิบายเสริม“อ้าวเหรอครับ พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ…” พงศ์ประภานึกเสียใจจริงๆ ที่ไปจี้จุดเด็กหญิงเข้าให้ แม้จะไม่เห็นหนูน้อยสลดก็เถอะ ลองพิจารณาไปที่ตาใสๆของแม่หนู เอ้อ...ถ้าจะจริงแฮะ แต่ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าตาบอด“ครูมุขา แล้วที่เขาว่ามัน ส๊วย สวย เป็นยังไงเหรอคะ ” หนูน้อยยังคงถามทั้งที่ปากเคี้ยวคุ๊กกี้ตุ้ยๆ ทำให้พงศ์ประภายิ่งนึกเวทนา ตาบอดตั้งแต่เกิดแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าความสวยมันเป็นอย่างไร แต่ในไม่นานเขาก็ต้องตะลึ่งกับวิธีอธิบายความสวยของดอกทานตะวันที่แปลกประหลาดที่สุดเริ่มแรกหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าครูมุกล่าวขอยืมจานรองถ้วยกาแฟร้อนของเขา เอาไปให้เด็กหญิงลูบคลำ “น้องดาวลองจับนี่ดูนะคะ ดอกทานตะวันกลมๆแบนๆแบบนี้ ไม่ใช่กลมแบบลูกบอล” เด็กหญิงพยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะนึกออกอย่างนั้นแหละ“เวลาเรามองแล้วเห็นดอกทานตะวันบานเต็มทุ่งจะให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนเวลาน้องดาวดื่มน้ำหวานๆเย็นๆไงคะ” แล้วครูสาวก็หยิบหลอดที่แช่ในโกโก้เย็นของเด็กหญิงใส่ปากหนูน้อยเพื่อให้ดูดสะดวก “เป็นไงคะ ชื่นใจไหม”“ชื่นนนนนน จายยยยย ค๊ะ” หนูน้อยตอบร่าเริง“ดอกทานตะวันมีสีเหลืองเลยทำให้มันเหมือนพระอาทิตย์ที่มีหน้าที่ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างแก่คนบนโลก เวลาเราเห็นดอกทานตะวันเราจะรู้สึกอบอุ่นและมีความหวังเสมอ” คราวนี้อาจารย์สาวเอามือข้างหนึ่งกุมมือน้อยๆของลูกศิษย์อย่างทะนุถนอม ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบศีรษะเล็กๆอย่างอ่อนโยน “เหมือนกับที่ครูเพื่อนๆแล้วก็พ่อแม่ของน้องดาวคอยเอาใจช่วยน้องดาวเวลาประกวดสุนทรพจน์ไงคะ ไม่ว่าน้องดาวจะชนะหรือไม่ก็ตาม ขอแค่น้องดาวทำให้ดีที่สุดก็พอ เมื่อทำดีที่สุดแล้วสักวันน้องดาวก็จะสมหวังอาจไม่ใช่ครั้งนี้แต่ก็ยังมีครั้งหน้า”“น้องดาวชอบดอกทานตะวันจังเลยค่ะครูมุ ส๊วย สวย” แม่หนูหลับตาพริ้มยิ้มละไมเหมือนกับกำลังฝันเห็นดอกทานตะวันจริงๆ “ที่น้องดาวว่าสวย สวยแบบไหนครับ” หลังจากที่นั่งนิ่งๆฟังคำอธิบายของครูสาวมานาน พงศ์ประภาก็เอ่ยขึ้นบ้าง “สวยเพราะทำให้สดชื่น แล้วก็ทำให้ไม่กลัวไงคะ”“ไม่กลัวอะไรครับ?”“ไม่กลัวที่จะตาบอด แล้วก็ประกวดพูดแพ้” หนูน้อยตอบใสซื่อก่อนจะก้มดูดโกโก้เย็นอีกครั้ง แต่คำตอบแบบง่ายๆของเด็กหญิงกลับกระทบใจคนถาม จริงซิ…บางทีคนตาบอดอาจเห็นอะไรมากกว่าคนตาดีก็ได้“ความสวยของคนที่มองไม่เห็นต่างกับคนที่มองเห็นค่ะ ในเมื่อแกไม่สามารถใช้สายตาได้เราจึงต้องพยายามให้แกใช้ความรู้สึกสัมผัสเอา” ครูสาวอธิบายเพราะนึกว่าชายหนุ่มคงสงสัยกับวิธีการสอนของตัว“ถ้าเป็นแบบที่คุณครูอธิบาย ก็หมายความว่าคนตาบอดใช้ประสาทสัมผัสทางใจได้ดีกว่าคนตาดีที่มักจะดูเพียงรูปภายนอก แต่ไม่มองให้ลึกถึงข้างใน”“พี่ว่าครูมุของน้องดาวสวยไหมคะ?” จู่ๆ เด็กหญิงก็ถามขึ้น เล่นเอามุฑิตาหน้าแดง จะไม่แดงได้ยังไงล่ะก็ผู้ชายตรงหน้าออกจะดูดี ส่วนตัวเองทั้งเชยเฉิ่มหน้าตาก็จืดชืด แล้วยัยลูกศิษย์แก่แดดยังไปถามเขาแบบนั้นอีก“น้องดาวอย่าไปจู้จี้พี่เขามากซิคะ” ครูสาวดุลูกศิษย์แก้เก้อพลางหยิบคุกกี้ป้อนใส่ปากเด็กหญิงซะเลยจะได้ไม่พูดมาก<br />พงศ์ประภารู้ทันว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังเขิน พวงแก้มเนียนที่ไร้เครื่องสำอางแดงระเรื่อ นึกอยากจะนั่งพิจารณาความสวยของเธอ แต่ครั้นจะมองนานก็กลัวครูมุของน้องดาวจะเขินไปกันใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้วก็นึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว “แล้วน้องดาวว่า ครูมุของน้องดาวสวยไหมล่ะครับ” ในเมื่อไม่กล้าตอบคำถามหนูน้อยเลยอ้อมๆถามคืนซะเลย“ครูมุสวยที่สุดเลยค่ะ ใจดี๊ดี สวยกว่านางงามด้วยนะคะ”“ครูจะสวยกว่านางงามได้ยังไงคะ น้องดาวเหลวไหลใหญ่แล้ว” ว่าแล้วก็อยากหยิกแม่ลูกศิษย์ตัวแสบนักเชียว นึกถึงรูปแฟนสาวของเขาที่ความสวยของเธอคนนั้นนำลิ่วไปแบบไม่เห็นฝุ่น ก็แสนจะขายหน้า“ครูพูดชัดกว่า เสียงหวานกว่า แล้วก็ใจดีกว่า อย่างพวกที่ประกวดนางงามที่ชอบบอกว่ารักเด็ก แต่น้องดาวไม่เห็นรู้สึกเลยว่าเขารักน้องดาว เคยมีนางงามมาที่โรงเรียนด้วยนะคะพี่มากอดๆหอมๆอยู่วันนึง แล้วก็ไม่มาอีกเลย“น้องดาวมองไม่เห็นเขา ก็เลยไม่รู้ซิคะว่านางงามสวยขนาดไหน ครูมุน่ะไม่สวยหรอกค่ะ”“แต่ผมว่าน้องดาวแกพูดถูกแล้วนะครับ เพราะน้องดาวมองความสวยไม่เหมือนที่คนปกติมอง ครูมุที่ใจดีกับแกก็เลยเป็นคนสวยในความคิดแกไงล่ะครับ” ตอบไปแบบนี้คงดีที่สุดแล้วนะ เธอคนนั้นจะได้ไม่เขิน เอาเป็นว่าเราเห็นด้วยกับน้องดาวที่ชมว่าครูสวย เราไม่ได้พูดเองซะหน่อยนี่ความจริงแม้คุณครูคนนี้จะดูตกสมัยไปบ้างทั้งการแต่งตัวที่แสนมิดชิด กริยารักนวลสงวนตัวเหมือนหญิงไทยโบราณ แต่ดวงหน้าเนียนกับตาซื่อใสไร้สารเคมีพร้อมร่างเล็กๆที่ไม่ได้ผอมจนเหมือนขาดสารอาหารแบบที่คนสมัยนี้นิยมกัน ทำให้พงศ์ประภาอดนึกไม่ได้ว่าถ้าเธอคนนี้ห่มสไบเฉียงแล้วบอกว่าอยู่ยุคเดียวกับ แม่พลอยแห่ง สี่แผ่นดิน นะ ใช่เลย!ฝ่ายมุฑิตากลับตีความคำพูดของชายหนุ่มไปอีกแบบหนึ่ง อ๋อ นี่เขาคงจะบอกเรากลายๆ แบบสุภาพว่า อย่างเราน่ะสวยได้แค่ในสายตาของคนตาบอดเท่านั้น ใช่ซิก็ตัวเองมีแฟนสวยนี่ ว่าแล้วครูสาวก็เผลอขวางค้อนไปโดยไม่รู้ตัวทั้งคนขวางและคนรับ“น้องดาวกลับบ้านกันเถอะลูก” เหมือนมีระฆังหมดยก เมื่อพ่อของลูกศิษย์เสร็จธุระมารับตัวลูกสาวคืน ค่อยยังชั่วหน่อยเพราะตอนนี้มุฑิตารู้สึกว่าใจเต้นแรงพิกล หน้าก็ร้อนๆเย็นๆ ถ้าต้องนั่งเผชิญหน้ากับคนคนนี้ต่อก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี“เย็นแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งคุณครูนะครับ ถือว่าตอบแทนที่ช่วยดูแลน้องดาวให้” แล้วคุณพ่อของเด็กหญิงดวงดาวก็จัดการชำระเงินกับบริกรระหว่างที่รอเงินทอนเด็กหญิงกระพุ่มมือไหว้พร้อมกล่าวอำลาชายหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย “น้องดาวกลับบ้านก่อนนะคะพี่ ขอบคุณมากค่ะที่ให้น้องดาวนั่งด้วย”“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ….แล้ว...น้องดาวจะมาที่นี่อีกไหมครับ” พลั้งปากไปแล้วพงศ์ประภาก็ละอายกับคำถามแบบงี่เง่าของตัวเอง เด็กที่ไหนจะรู้จักมาร้านกาแฟ ถ้าไม่มากับผู้ใหญ่“ถ้าน้องดาวเข้ารอบอีกสองวันก็ต้องมาแข่งอีกค่ะ ใช่ไหมคะครูมุ?”“แหะๆ ถ้าน้องดาวเข้ารอบ ผมคงต้องรบกวนคุณครูมาช่วยดูแกหน่อย ผมจะเอาแกมาส่งที่มอ. เหมือนวันนี้นะครับ แล้วตอนเย็นก็จะมารับกลับที่นี่ ไม่อยากขับรถเข้าในมอ. หาที่จอดยาก”“ไม่เป็นไรค่ะ” มุฑิตายิ้มรับ นักธุรกิจก็อย่างนี้งานยุ่งตลอด แต่เด็กหญิงดวงดาวก็ยังโชคดีกว่าเด็กพิเศษคนอื่นๆตรงที่พ่อกับแม่มีฐานะและเอาใจใส่ลูกดี ตอนนี้คุณแม่เพิ่งคลอดน้องคนใหม่เลยมาดูแลลูกเองไม่ได้ ยังมีลูกศิษย์คนอื่นๆที่พ่อแม่เห็นว่าความผิดปกติของลูกเป็นเรื่องอับอาย งานของมุฑิตาไม่เพียงช่วยเหลือเด็กพิเศษเหล่านี้ให้อยู่ร่วมกับคนในโลกปกติได้เท่านั้น ยังต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ปกครองเด็กอีกด้วย เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็อิ่มใจเมื่อได้เห็นเด็กๆที่เกิดมาโชคร้ายกว่าคนอื่นมีรอยยิ้มหลังจากที่ผู้ร่วมโต๊ะทั้งสองได้จากไปพงศ์ประภาก็กลับมาให้ความสนใจกับเอสเปรสโซ่แก้วเล็ก ตอนนี้มันเริ่มจะเย็นเพราะเจ้าของมั่วแต่เพลินคุยเพลินฟัง ยกขึ้นมาจิบ เอ๊ะ! ทำไมวันนี้มันขมจังหรือเพราะมันเย็น ว่าแล้วชายหนุ่มก็เรียกบริกรมาเอาไปทำให้ร้อนดีกว่า“ทำให้ร้อนน่ะได้ครับแต่ความหอมและสดของมันจะหายไป ถ้าคุณไม่รังเกียจผมจะยกไปอุ่นให้” บริกรอธิบาย“ไม่เป็นไร คือผมรู้สึกว่ามันขมๆ เผื่อร้อนแล้วจะดีขึ้น ขอน้ำตาลด้วยนะครับ” “เอ! ความจริงเอสเปรสโซ่ร้อนที่คุณสั่งก็เป็นสูตรนี้ทุกครั้งนี่ครับ หรือว่าคุณจะเบื่อ ถ้าอยากดื่มแบบหวานบ้างขมบ้างขอผมแนะนำ seasons change ครับ เป็นเมนูแนะนำเราเพิ่งคิดขึ้นมา คือตรงก้นแก้วจะเป็นนมข้น แล้วเอสเปรสโซ่จะอยู่ด้านบน เวลาทานไม่ต้องคนนะครับ ดื่มไปเรื่อยๆพอเหลือนมข้นก็เอาปาท่องโก๋จิ้ม เราจะเสริฟพร้อมปาท่องโก๋น่ะครับ เอาเป็นผมจะไม่คิดราคาเพิ่ม เพราะเดี๋ยวเอาแก้วนี้ไปทำให้ได้ครับ”เมื่อพงศ์ประภาตอบตกลงสักพักบริกรก็นำกาแฟมาเสริฟด้วยแก้วใสทรงตรง ชั้นล่างสุดเป็นสีขาวข้นของนม ตรงกลางออกเป็นสีน้ำตาลเพราะเป็นส่วนที่นมกับกาแฟเจอกัน ด้านบนเป็นสีน้ำตาลเข้มจนออกดำของเอสเปรสโซ่เพื่อนเก่าชายหนุ่มเริ่มละเลียดกำแฟขมด้านบน จากนั้นรสกาแฟก็เริ่มหวานขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งน้ำกาแฟหมดเหลือนมข้นข้างล้าง แล้วพงศ์ประภาก็เอาปาท่องโก้มาจิ้ม รสหวานมันโดดเด่นทำให้นึกไปถึงกาแฟโบราณของพวกอาแปะ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมมันจึงมีชื่อว่า seasons change ก็เพราะในหนึ่งแก้วมีกาแฟสามรสด้วยกัน เริ่มจากกาแฟดำ แล้วก็กาแฟใส่นม จากนั้นก็นมหวานๆ บางทีเจ้านี่อาจเลื่อนมาเป็นแก้วโปรดที่เขาจะสั่งอย่างน้อยก็ในอีก 2 วันข้างหน้า…เมื่อได้เวลาชายหนุ่มก็ออกจากร้านไปด้วยใบหน้าสดใส ทำเอาบริกรหน้าตี๋ถึงกับงงแอบซุบซิบกับคนชงกาแฟ “เฮ้ย รุตต์ สงสัย seasons change สูตรที่แกคิดจะขายดีว่ะ ทำเอาพี่หน้าหล่อ ที่ชอบทำหน้าขมยิ่งกว่าเอสเปรสโซ่ ยิ้มได้ เจ๋งไปเลย….”</font></div>
<br /><div><font face="Arial" color="#cc0000"></font> </div>
<br /><div><font face="Arial" color="#cc0000"></font> </div>
<br /><div>bloggang.com</div>Meenitthttp://www.blogger.com/profile/05300430781462519270noreply@blogger.com0